Malware ส่งผลเสียอย่างไรต่ออีเมล ?

Malware คืออะไร ?

Malware เป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์หรือชุดคำสั่งที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อขโมยข้อมูลในคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ โปรแกรมชนิดนี้อาจถูกสร้างขึ้นจากผู้ไม่หวังดีด้วยวัตถุประสงค์ที่หลากหลาย เช่น การขโมยข้อมูลส่วนตัว, ทำลายระบบคอมพิวเตอร์, หรือนำระบบคอมพิวเตอร์มาใช้ในการโจมตีคอมพิวเตอร์อื่น ๆ รวมถึงอีกหลายวัตถุประสงค์ที่ไม่ดีต่อผู้ใช้คอมพิวเตอร์และข้อมูลส่วนตัวของท่าน

ผลกระทบหากมี Malware ในอุปกรณ์ที่ใช้งานอีเมล

การมี Malware ในอุปกรณ์ที่ใช้งานอีเมลสามารถทำให้เกิดผลกระทบร้ายแรงต่อผู้ใช้อย่างมากดังนี้

  • การขโมยข้อมูล Malware สามารถขโมยข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ เช่น ชื่ออีเมล , รหัสผ่าน ,อีเมลผู้ติดตต่อ และข้อมูลสำคัญอื่น ๆ ที่ถูกส่งเข้ามายังอีเมล ซึ่งอาจนำไปใช้ในการทำอาชญากรรมทางการเงินหรือการโจมตีที่จะส่งผลต่อชื่อเสียงของผู้ใช้งานอีเมล
  • การเผยแพร่และแพร่กระจาย Malware โดยการใช้อีเมลของท่านส่งออก Malwareไปยังผู้ใช้อื่นผ่านทางอีเมล ทำให้สร้างความเสียหายกับระบบของผู้อื่น หรือ ทำให้ผู้ได้รับอีเมลทำการ Blacklist อีเมลจากท่านได้

เราจะตรวจสอบหรือ กำจัด Malware ออกไปได้อย่างไร ?

ในการตรวจสอบ Malware นั้น หากท่านใช้งานอีเมลบริษัทที่มีระบบตรวจสอบ Malware  อยู่แล้วนั้น ตัวระบบจะแจ้งเตือนหรือทำการ block อัตโนมัติ ในกรณีที่พบความผิดปกติในการ  Login หรือ การส่งออกอีเมลที่ผิดปกติไว้ก่อนเพื่อให้ท่านตรวจสอบและทำการ กำจัด Malware  นี้ออกก่อนและจึงค่อย Unblock  ซึ่งวิธรการ ตรวจสอบหรือ กำจัด Malware เบื้องต้นที่สามารถทำได้ด้วนตนเองมีดังนี้

  • ติดตั้งซอฟต์แวร์ตรวจสอบ Malware เช่น โปรแกรม malwarebytes.com และสแกนตรวจสอบเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง
  • อย่าเปิดไฟล์แนบหรือลิงค์ จากผู้ส่งอีเมลที่ไม่น่าเชื่อถือ เพราะอาจเป็นการติดตั้ง Malware ลงในเครื่องคอมพิวเตอร์ของท่านในเบื้องหลัง
  • สำรองข้อมูล(Black up) เพื่อป้องกันข้อมูลสูญเสียในกรณีที่เครื่องผู้ใช้งานติด Malware
  • ใช้งานระบบอีเมลที่มีตัวตรวจสอบการเข้าใช้งาน และการส่งออกที่ผิดปกติ เพื่อเป็นการป้องกันการถูกผู้ไม่หวังดี ขโมยข้อมูล

ข้อมูลโดยสรุป

การรักษาความปลอดภัยในอีเมลเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกัน Malware และความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในระบบคอมพิวเตอร์ของท่านและผู้ติดต่อของท่าน เลือกใช้งานระบบอีเมลที่มีตัวตรวจสอบการเข้าใช้งาน และการส่งออกที่ผิดปกติ ระมัดระวัง ไฟล์แนบหรือลิงค์ จากผู้ส่งอีเมลที่ไม่เคยติดต่อกันมาก่อนที่ดูไม่น่าเชื่อถือ และติดตั้งโปรแกรมสแกน Malware ที่มีประสิทธิภาพและหมั่นสแกนตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ

บทความที่เกี่ยวข้อง

ทำไมไม่ควรใช้โปรแกรม Line ในการติดต่อลูกค้า ?

ทุกคนคงสงสัยใช่ไหม ว่าทำไมเราถึงไม่ควรใช้ Application Line ในการติดต่อกับลูกค้า ทั้งที่ Application Line นั้นสามารถใช้ได้ฟรี และยังสามรถใช้งานได้อย่างสะดวกอีกด้วย

เหตุผลที่ไม่ควรใช้ Application Line ในการติดต่อกับลูกค้า

  • ไม่เป็นทางการ คือ การใช้ Application Line ในการติดต่อกับลูกค้านั้น ไม่เป็นทางการเพราะว่า Application Line นั้นสามารถสมัครใช้งานได้ง่าย และยังไม่มีการยืนยันตัวตนที่ชัดเจนขนาดนั้น จึงทำให้ใครๆ ก็สามารถปลอมแปลง Line Account  เป็นของเราได้
  • ไฟล์ที่ส่งไปมีระยะเวลาการจัดเก็บ คือ การส่งรูปภาพหรือไฟล์ใน Application Line นั้นจะมีระยะเวลารักษาอยู่ที่ 15 วัน หลังจากนั้นเราและลูกค้าก็จะไม่สามารถดูรูปหรือไฟล์ที่ส่งได้ จึงทำให้การกลับมาดูข้อมูลนั้นจะไม่ค่อยสะดวกสักเท่าไร

หากไม่ใช้ Application Line ในการติดต่อกับลูกค้าแล้วควรใช้อะไรดี ?

การติดต่อกับลูกค้านั้นทางเราขอแนะนำให้ใช้เป็นอีเมลบริษัท (Business Email) ดีกว่าเพราะว่าการใช้อีเมลบริษัท (Business Email) ในการติดต่อนั้น เป็นทางการ สามารถยืนยันตัวตนได้เนื่องจากชื่อ Domain นั้นเป็นชื่อบริษัท และยังสามารถกลับมาดูข้อมูลไฟล์และรูปภาพที่ได้ทำการส่งแนบไปกับอีเมลบริษัท (Business Email) ได้ตลอดเวลาอีกด้วย

เลือกใช้บริการอีเมลบริษัทกับที่ไหนดี ?

การเลือกใช้บริการบริการอีเมลบริษัทนั้น (Business Email) ต้องเลือกผู้ให้บริการอีเมลโฮสติ้งที่มีความน่าเชื่อถือ มั่นคง และสามารถให้คำแนะนำกับเราได้ ซึ่งทางเราขอแนะนำเบื้อต้นดังนี้

ข้อมูลโดยสรุป

เราไม่ควรใช้ Application Line ในการติดต่อกับลูกค้านั้นเป็นเพราะว่าดูไม่เป็นทางการและยังไม่สามาเก็บรักษาไฟล์หรือรูปภาพในระยาวได้

ย้าย Email ที่เข้า Junk เข้า Inbox ถาวรทำได้อย่างไร

Junk Mail คืออะไร

คือ Email โฆษณาสินค้าและบริการรวมถึงการประชาสัมพันธุ์ธุรกิจของตนเองโดยจะทำการบอม Email ออกหลายพันฉบับเพื่อให้ถึงเป้าหมายซึ่งเป็นปัญหาสำหรับผู้ใช้งาน Email ส่วนใหญ่เพราะไม่มีใครอยากรับ Email ในลักษณะนี้ทำให้ผู้ให้บริการ Mail Server ต้องตั้งค่าตัวกรองเพื่อแก้ไขปัญหาการได้รับ Email Spam/Junk

วิธีการย้าย Email ที่เข้า Junk Mail เข้า Inbox แบบถาวร

เข้า Junk E-mail เพื่อหาอีเมล์ที่ต้องการ

เมื่อเข้าหน้า Junk E-mail จะเห็นอีเมล์ที่ Outlook คิดว่าเป็นเมล์ขยะ

เลือกอีเมล์ที่ไม่ต้องการให้เข้าใน Junk E-mail อีก

ให้คลิกขวาอีเมล์ที่ต้องการ จากนั้นเลือก Junk > Never Block Sender’s Domain แล้วกด OK
การเลือก Never Block Sender’s Domain จะหมายถึง
อีเมล์ทุกฉบับของโดเมนที่เลือกจะไม่ถูกคิดว่าเป็นอีเมล์ขยะ

จากนั้นให้ย้ายอีเมล์เข้า inbox ตามปกติ

คลิกขวาที่อีเมล์ จากนั้นเลือก Junk > Not Junk
อีเมล์จะถูกย้ายไปอยู่ใน Inbox

หลังจากที่ดำเนินการแล้ว
อีเมล์ทุกฉบับของโดเมนที่เลือกจะไม่เข้า Junk E-mail อีก

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

ปัญหา Bandwidth ที่ส่งผลต่อการใช้งานของ Mail Server

ทำไม IP ของ Website หรือ Web Hosting ติด Blacklist จึงมีผลต่อการส่ง Email ?

ปัญหาที่แท้จริงที่ทำให้ Mail Server ส่ง Email ไม่ถึงปลายทาง

เมื่อติด IP ของ DNS ติด Blacklist จะมีผลต่อการส่งอีเมล์หรือไม่ ?

ปัญหา Bandwidth ที่ส่งผลต่อการใช้งานของ Mail Server

ปัญหา Bandwidth ถือว่าเป็นปัญหาที่พบเจอทั่วไปอย่างมากเนื่องจากการใช้งานของ User ในขณะนั้นมีการใช้ Email ส่งออกจำนวนมากทำให้มีปัญหาเรื่อง Bandwidth เต็มหรือ Bandtidth ไม่เพียงพ่อต่อการส่ง Email ในขณะนั้นจะส่งผลให้ผู้รับปลายทางได้รับ Email ล่าช้าหรือไม่ได้รับ Email เลย ส่งผลกระทบต่อการใช้งานของ User เป็นอย่างมากการแก้ไขดังกล่าวผู้ให้บริการต้องทำการแก้ไขปัญหานี้อย่างถาวร

Bandwidth คืออะไร

International Bandwidth คือการใช้อินเตอร์เน็ตในการเชื่อมต่อทั้งหมด เป็นการใช้เว็บไซค์ของต่างประเทศ เช่น Google เป็นผู้ให้บริการที่อยู่ต่างประเทศ อย่างของไทยเราก็อย่างเช่น sanook.com เป็นเว็บไซค์ที่อยู่ในประเทศ จึงเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Domestic Bandwidth

หาก Bandwidth มีปัญหาจะส่งผลอย่างไร

จะทำให้ผู้ที่ส่ง Email องค์กรออกหรือรอรับ Email ขณะที่ Bandwidth มีปัญหาหรือเต็มจะไม่รับ Email หรือได้รับ Email ล้าช้าทำให้ส่งผลกระทบต่อการติดต่อสื่อสารรวมไปถึงธุรกิจเกิดความเสียหายเช่นธุรกิจที่เกี่ยวกับการนัดหมาย หรือธุรกิจเกี่ยวกับการส่งออก เช่น ท่าเรือการส่งออก การนัดหมายเครื่องบิน รวมถึงการนัดหมายประชุม หากได้รับ Email ล่าข้าจะทำให้ผู้ใช้งานเกิดตกเครื่องหรือปัญหาด้านธุรกิจตามมาเกิดผลเสียอย่างมหาศาล

วิธีการแก้ไขปัญหา Bandwidth

โดยหลักแล้วผู้ให้บริการจะจำกัด Bandwidth เพื่อการใช้งานที่ไม่มีปัญหาเพราะใน Server 1 เครื่อง ไม่ได้มีเราคนเดียวที่ใช้งาน การจำกัดเพื่อให้ผู้อื่นใช้งานอย่างสะดวก ราบรื่น Sever ไม่มีการทำงานที่หนักเกินไปจนเกิดอาการ Server แฮงค์ หากไม่มีการจำกัด ผู้ใช้งาน 1 ราย สามารถทำให้ผู้ใช้งานอีกหลายรายเกิดปัญหาตามมา จะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้บริการและผู้ให้บริการอีกด้วย

บทความที่เกี่ยวข้อง

เมื่อติด IP ของ DNS ติด Blacklist จะมีผลต่อการส่งอีเมล์หรือไม่ ?

IP ของ Mail Server ติด Blacklist คืออะไร และจะมีผลอย่างไร ?

Mail Server ไม่ล่ม แต่ Email ไม่เข้า เพราะอะไร ?

SSD Disk ใน Email Server ช่วยทำให้การใช้งานเร็วขึ้นจริงมั้ย ?

จะเกิดผลเสียอย่างไรหาก Mail Server ไม่มีการเก็บ Log

เมื่อติด IP ของ DNS ติด Blacklist จะมีผลต่อการส่งอีเมล์หรือไม่ ?

เมื่อผู้ใช้งานพยายามส่งSpam หรือ Junk จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆทำให้ส่งผลกระทบต่อการส่ง Email ฉบับที่สำคัญคือไม่สามารถส่ง Email ได้ด้วยเนื่องจาก IP ของ DNS ติด Blacklist ทำให้ผู้บริการ Email Server ต้องมีการตั้งความเข้มงวดหรือตั้งกฏในการส่งออกหากมี Email ที่ส่งออกมีลักษณะคล้าย Spam ต้องระงับการส่งออกทันทีเพื่อป้องกัน IP ติด Blacklist

DNS คืออะไร

DNS ย่อมาจาก Domain name server มีหน้าที่แปลงชื่อ Domain name เป็นหมายเลข IP ของ Server ปลายทาง และ ยังทำหน้าที่บังคับทิศทางของ Email ว่าให้ทำการส่งไปยัง Mail Hosting IP ใด หรือ เรียกง่ายๆว่า มันแปลงชื่อไปเป็น IP Server นั่นเอง

DNS ติด Blacklist จะมีผลอย่างไรต่อ Email Server

เนื่องจาก DNS คือหมายเลข IP ที่บังคับทิศทางของ Email ต้องการส่งไปยัง Mail Server IP ใดหาก DNS ติด Blacklist จะทำให้ Mail Server ไม่สามารถส่งออกได้ทันที ลักษณะที่เกิด DNS Blacklist เกิดได้จากผู้ใช้งานใช้ Website และ Email Server ภายใน Server เดียวกันหาก IP Website ติด Blacklist แล้ว จะทำให้ Mail Server ติด Blacklist ด้วยเนื่องจากใช้ IP DNS เดียวกันในการส่งออก

วิธีการแก้ไข DNS ติด Blacklist

ผู้ให้บริการควรแยก DNS Server ออกจากกันโดยแบ่งเป็น DNS ของ Website และDNS ของ Mail Server หาก DNS ใดติด Blacklist จะไม่ส่งผลกระทบต่ออีกบริการเช่นหาก DNS ของ Website ติด Blacklist ระบบ Email ก็ยังสามรถใช้งานต่อไปได้โดยไม่ติดปัญหา Email ติด IP Blacklist เนื่องจากปัญหาดังกล่าวต้องแก้ไขจากผู้ให้บริการเท่านั้น ผู้ใช้งานไม่สามารถแก้ไขได้

บทความที่เกี่ยวข้อง

IP ของ Mail Server ติด Blacklist คืออะไร และจะมีผลอย่างไร ?

Spam/Junk Mail ใน Mail Server เยอะ แก้ปัญหาอย่างไร

จะเกิดผลเสียอย่างไรหาก Mail Server ไม่มีการเก็บ Log

SSD Disk ใน Email Server ช่วยทำให้การใช้งานเร็วขึ้นจริงมั้ย ?

IP ของ Mail Server ติด Blacklist คืออะไร และจะมีผลอย่างไร ?

ปัญหาทั่วไปที่สามารถพบเจอได้ในการใช้งานระบบ Email Server นั้นคือ IP ติด Blacklist  ของระบบปลายทางทำให้การติดต่อสื่อสารด้านองค์กรหรือการซื้อขายระหว่างองค์กรนั้นตัดขาดไปเนื่องจาก IPตัวส่งออกดังกล่าวติด Blacklist ทำให้เกิดความเสียหายต่อองค์กรอย่างมากและผู้ใช้งานต้องการแก้ไข IP ติด Blacklist  ให้หายขาดได้อย่างไร

IP ของ Mail Server ติด Blacklist คืออะไร

คือ เมื่อมี Email หรือ User ใด ใน Server พยายามส่ง Spam (อีเมล์โฆษณา) ไปหา Email ค่ายใหญ่ๆ เช่น Hotmail, Gmail, Yahoo เป็นจำนวนมากๆ ผู้ให้บริการเหล่านั้น จะทำการ Block IP ของ Email Server ทำให้ IP Email Server ติดบัญชีดำในฐานข้อมูล Black list โลก

เทคโนโลยีแลนด์
บริษัท เทคโนโลยีแลนด์ จำกัด ผู้ให้บริการ Email Hosting

หาก IP ติด Blacklist จะส่งผลอย่างไร

หาก IP ของ Email Server ติด Blacklist จะทำให้ Email ไม่สามารถส่งเมล์ไปหา Hotmail, Gmail, Yaho ได้ ซึ่งเป็นนโยบาย Anti Spam ที่ทุกค่าย ให้ความสำคัญมาก เพราะหากไม่เข้มงวดในเรื่องดังกล่าว Email ที่อยู่ในค่ายนั้นๆ ก็จะมีแต่อีเมล์โฆษณาจนทำให้ผู้ใช้งานรำคาญ และเลิกใช้งานในที่สุด

วิธีการแก้ไข IP ติด Blacklist ทำได้อย่างไร

  • ผู้ใช้งานต้องไม่เลือกซื้อ Email หรือเลือกใช้ Email ที่แถมฟรีกับ Website เนื่องจากบน Server ดังกล่าวมี Email ที่ใช้งานค่อนข้างเยอะอาจจะทำให้มี Email บน Server ส่ง Spam และทำให้ IP การส่งออกติด Blacklist ของระบบปลายทางได้
  • เลือกใช้งานบริการ Email Server และมีลูกค้าในประเทศเพราะจะมีการบริการจัดการผู้ใช้งานได้ค่อยข้างดีมากเนื่องจากต้องจัดการปัญหา Block User ดังกล่าวในการบอม Email Spam ส่งออกทันที
  • เปลี่ยนผู้ให้บริการ Mail Server ให้มัความททันสมัยและมีการตั้งค่าการตรวจสอบที่รัดกุมในการป้องกันIP ติด Blacklist
  • ผู้ให้บริการควรมีเจ้าหน้าที่ Support ตลอด 24 ชม.

วิธีการตรวจสอบ IP ติด Blacklist

ให้เข้า mxtoolbox.com และ พิมพ์ชื่อโดเมนตัวเอง หลังจากนั้น คลิกไปที่ MX Lookup

เว็บไซต์จะแสดงว่า Domain ของคุณใช้ IP อะไร และ สามารถคลิ้กไปที่ Blacklist Check

เนื่องจากฐานข้อมูล Blacklist ในโลกนี้มีจำนวนมาก ดังนั้นหาก Status ขึ้นเป็น OK ทั้งหมด แสดงว่าIP ของคุณไม่ติด Blacklist

บทความที่เกี่ยวข้อง

Spam/Junk Mail ใน Mail Server เยอะ แก้ปัญหาอย่างไร

Mail Server ไม่ล่ม แต่ Email ไม่เข้า เพราะอะไร ?

ทำไม IP ของ Website หรือ Web Hosting ติด Blacklist จึงมีผลต่อการส่ง Email ?

จะเกิดผลเสียอย่างไรหาก Mail Server ไม่มีการเก็บ Log

Spam/Junk Mail ใน Mail Server เยอะ แก้ปัญหาอย่างไร

การสื่อสารด้านธุรกิจส่วนใหญ่จะใช้งานระบบ Email องค์กรในการสื่อสารด้านการค้า หรือการส่งซื้อ บริการ และอื่นๆปัญหาทั่วไปของผู้ใช้งานระบบ Email ต้องเจอแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้คือ Spam/Junk mail ที่ส่ง Email โฆษณาจำนวนมาก ที่ถือเป็นการรบกวนด้านการสื่อสารเป็นอย่างมากทำให้เป็นปัญหาสำหรับผู้ใช้งานเพราะการสื่อสารต้องใช้ความรวดเร็วในการติดต่อทำให้ไม่มีเวลานั่งลบ Spam หรือ Junk และหากผู้ใช้งานได้รับ Spam มากขึ้นจะส่งผลให้ผู้บริการถูกยกเลิกการบริการและผู้ใช้งานจะมานิยมใช้ฟรี Email เช่น Hoamil,Gmail หรือ Yahoo แทน

Spam/Junk คืออะไร

คือ Email โฆษณาสินค้าและบริการรวมถึงการประชาสัมพันธุ์ธุรกิจของตนเองโดยจะทำการบอม Email ออกหลายพันฉบับเพื่อให้ถึงเป้าหมายซึ่งเป็นปัญหาสำหรับผู้ใช้งาน Email ส่วนใหญ่เพราะไม่มีใครอยากรับ Email ในลักษณะนี้ทำให้ผู้ให้บริการ Mail Server ต้องตั้งค่าตัวกรองเพื่อแก้ไขปัญหาการได้รับ Email Spam/Junk

หาก Mail Server ส่ง Spam/Junk มากเกินไปจะส่งผลอย่างไร

หากผู้ใช้งาน Mail Server อยู่แต่เครื่องผู้ใช้งานติด Spam บอม Email หรือโดน Hack Email จำนวนมากจะทำให้ IP ที่ใช้ในการบอม Spam นั้นติด Blacklist ของระบบปลายทางทันทีแต่ที่มากกว่านั้นคือ IP ที่ใช้ส่งออกนั้นผู้ให้บริการส่วนใหญ่จะใช้เป็น IP รวมทุกๆโดเมนจะทำให้เกิดปัญหา IP ติด Blacklist ส่วนใหญ่จะใช้วิธีการเปลี่ยน IP แต่นั้นคือวิธีการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุซึ่งวิธีการแก้ที่ถูกต้องคือต้องมีวิธีการระงับการส่งออกของ User ที่ติด Spam หรือป้องกันการบอม Spam ก่อนที่ IP ทั้งหมดจะติด Blacklist ของระบบปลายทางเช่น Hotmail Gmail เป็นต้น

Spam/Junk เข้า Mail  Server เยอะจะแก้ไขอย่างไร

Spammail หรือ Junkmail ที่ไม่มีใครอยากให้เข้า Mail Server แล้ววิธีการแก้ไขคือผู้ให้บริการ Mail Server ต้องตั้ง Filter หรือตัวกรองอย่างดีเพื่อประสิทธิภาพการกรอง Email ที่เป็น Spam ออกจาก Email ปกติและต้องไม่เข้มงวดจนการกรองนั้นกรอง Email ปกติไปดด้วยจะส่งผลให้ผู้ใช้งานพลาด Email ที่ใช้งานติดต่อสื่อสารด้านธุรกิจไปด้วย

โปรแกรมสแกนไวรัสที่แนะนำ

โปรแกรม Malwarebytes

การตั้งค่า DNS ค่าใดช่วยกรอง Spam/Junk

SPF ย่อมาจาก Sender Policy Framework ซึ่งเป็นค่าที่ประกาศ IP Address ในการส่ง Email ของคุณนั้นว่าได้รับอนุญาตและยืนยันจาก Mail Server ที่ทำการส่งออกว่า IP นี้ส่งจริงหรือไม่ เพราะในความเป็นจริงมีองค์กรจำนวนมาก มิได้ใช้ Mail Server ที่เป็น IP ตนเองในการส่ง แต่อาศัย Mail Server ตัวอื่นในการดีดอีเมลออกไป แต่ปลายทาง (Receiver) ไม่มั่นใจว่า IP ของคุณได้รับอนุญาติจาก Mail Server ที่ดีดออกนั้นหรือเปล่า ดังนั้นหาก IP ของได้รับการยืนยันจาก Mail Server ที่ทำการดีด ก็จะเป็นการเพิ่มน้ำหนักความน่าเชื่อถือของข้อความคุณมากขึ้น

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

Mail Server ไม่ล่ม แต่ Email ไม่เข้า เพราะอะไร ?

ทำไม IP ของ Website หรือ Web Hosting ติด Blacklist จึงมีผลต่อการส่ง Email ?

SSD Disk ใน Email Server ช่วยทำให้การใช้งานเร็วขึ้นจริงมั้ย ?

ปัญหาที่แท้จริงที่ทำให้ Mail Server ส่ง Email ไม่ถึงปลายทาง

จะเกิดผลเสียอย่างไรหาก Mail Server ไม่มีการเก็บ Log

Mail Server ไม่ล่ม แต่ Email ไม่เข้า เพราะอะไร ?

โดยปกติแล้วเมื่อคุณสามารถเชื่อมต่อไปยัง Mail Server ได้ เช่น การ Sync ในโปรแกรม Outlook/Thunderbird คุณอาจจะเข้าใจว่า Mail Server ของคุณนั้นทำงานได้อย่างปกติ แต่ปัญหาหนึ่งที่ผู้ใช้งาน (User) มักพบกันในการใช้งาน Mail Server ในองค์กรนั้นคือ Email ไม่เข้าหรือเข้าล่าช้าผิดปกติ ซึ่งปัญหานี้ล้วนทำให้กระทบการทำงานในการสื่อสาร หรือไม่แตกต่างอะไรกับการที่ Mail Server ล่มเลย

ปัญหาเกิดจากอะไร

  • Bandwidth & Network
    ปัญหานี้มักพบได้บ่อยโดยเฉพาะปัญหา International Bandwidth เต็มทำให้ Mail Server ไม่สามารถสื่อสารไปยังนอกประเทศได้และทำให้ Mail Server อื่นๆที่อยู่ต่างประเทศส่ง Email เข้ามาไม่ได้ ซึ่งโดยทั่วไป Mail Server ส่วนใหญ่มักอยู่ในต่างประเทศ
  • Firewall อยู่ต่างประเทศเชื่อมต่อมาไม่ได้
    โดยปกติ Mail Server ที่ท่านเชื่อต่ออยู่นั้นเป็น Storage Server หรือเป็นเพียงที่เก็บข้อมูลเท่านั้นหากต่างอยู่ภายในประเทศและในช่วงเวลาดังกล่าวมีปัญหาด้าน International Bandwidth  หรือ Network อาจจะทำให้ Firewall Server ซึ่งนิยมใช้กันในยุโรปนั้นส่งข้อมูลที่ตรวจสอบว่าปลอดภัยแล้วเข้ามาไม่ได้
  • Code ภายใน Mail Server
    และสุดท้ายอาจจะเกิดจากการตั้งค่าที่ผิดพลาดของผู้ให้บริการ Mail Server เองทำให้เกิด Error (Internal Error) ภายในเป็นต้น

ทำไม IP ของ Website หรือ Web Hosting ติด Blacklist จึงมีผลต่อการส่ง Email ?

หลายๆคนเข้าใจว่าเมื่อ IP ของ Mail Server ไม่ติด Blacklist แล้วย่อมส่งเมล์ไปหาใครก็ได้อย่างไม่มีปัญหา ซึ่งนั่นไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องเมื่อ Mail Server ปลายทางนั้นมีความเข้มงวดในการตรวจสอบความน่าเชื่อถือการรับ Email มากขึ้นไปถึงระดับ IP ของเว็บไซต์และนำ IP นั้นไปตรวจสอบอีกครั้งว่า IP นั้นติด Blacklist หรือไม่ หากติดอาจจะมีปฎิเสธการรับ Email ในครั้งนั้นเพราะมองว่าอาจจะมีความไม่น่าเชื่อถือ

IP ของ Website คืออะไร ?

โดยปกติในองค์กรต่างๆล้วนมีเว็บไซต์องค์กรของตนเองโดยเช่า Web Hosting จากผู้ให้บริการต่างๆ และนำข้อมูลเหล่านั้นขึ้นไปยัง Web Hosting ที่ได้เช่าบริการไว้ ซึ่ง Web Hosting แต่ละที่ก็จะมี IP ของตนเอง โดยการตรวจสอบ IP ของ Website ตนเองทำได้ง่ายๆ เพียง ping  www.domain.com หลังจากนั้นก็จะได้หมายเลข IP ของ Website ตนเองออกมาซึ่งโดยปกติ IP นี้จะถูกใช้โดยหลายเว็บไซต์ที่ใช้งานใน Server เดียวกัน

IP ของ Website ติด Blacklist ได้อย่างไร ?

จากประสบการณ์ของผู้เขียนมักเกิดจาก Website ประเภท Open Source เช่น WordPress หรือ Joomla อาจจะติดไวรัสบางประเภททำให้ Website เหล่านี้ส่ง Email ประเภท Spam ออกไปจำนวนมากโดยที่เจ้าของ Website ก็อาจจะยังไม่ทราบและทำให้ IP เหล่านี้ติด Blacklist หรืออีกสาเหตุหนึ่งอาจจะเกิดจาก Web Server เหล่านี้อาจจะใช้งานเป็น Mail Server ด้วย เมื่อมี User ส่ง Spam ก็จะทำให้ IP ของ Website ที่อยู่ใน Server ดังกล่าวติด Blacklist ไปด้วย

IP Website ติด Blacklist ส่งผลต่อการส่งเมล์อย่างไร ?

  • ไม่สามารถส่งหาปลายทางได้
    เนื่องจาก Mail Server อาจจะมองว่า Sender Domain ของเราอาจจะเคยมีประวัติการส่ง Spam เป็นต้น
  • Email อาจจะเข้าไปยัง Junk/Spam folder ปลายทาง
    หาก Mail Server ปลายทางรับอาจจะนำ Email เหล่านั้นไปไว้ใน Folder Spam/Junk Mail แทนเนื่องจากมองว่าผู้ส่งนั้นไม่มีความน่าเชื่อถือ

จะแก้ไขปัญหาอย่างไร

  • ปัญหาดังกล่าวโดยปกติต้องให้ผู้ให้บริการ Website แก้ไขเท่านั้น ซึ่งการแก้ไขควรแก้ที่ต้นเหตุของปัญหา เช่น ระงับการใช้งานของ Website ที่มีปัญหาทันที
  • หากลูกค้ายังพบปัญหาเหล่านี้บ่อยครั้ง ควรใช้งาน Website ประเภท VPS (Server ส่วนตัว) ซึ่งจะได้หมายเลข IP สำหรับ Website ตนเองเพียงเว็บเดียว แต่ควรตรวจสอบก่อนได้รับ IP ว่า IP นั้นติด Blacklist มาก่อนหรือไม่