วิเคราะห์ฟีเจอร์เด็ด 3 แอป Zoho Workspace ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในองค์กร

Zoho Workplace เป็นมากกว่าเครื่องมือทำงานทั่วไป เพราะมีฟีเจอร์เฉพาะทางที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระดับองค์กรแบบจริงจัง ในบทความนี้เราจะเจาะลึก 3 แอป Zoho Workspace ที่องค์กรควรใช้ พร้อมฟีเจอร์ที่น่าสนใจ

Zoho Cliq – เครื่องมือสื่อสารในองค์กรแบบเรียลไทม์

ฟีเจอร์เด่น

  • Command Center : ใช้คำสั่งเพื่อดึงข้อมูลจากระบบอื่น เช่น CRM, Projects ฯลฯ ได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนหน้า

  • Bots & Workflows : สร้าง Bot แจ้งเตือนงาน ประชุม หรือยอดขาย

  • Integration : เชื่อมกับ GitHub, Trello, Google Drive ได้ง่าย

ข้อดี : ลดการใช้หลายแอป แชทแบบ Real-Time พร้อม Context
เหมาะสำหรับ : ทีม DevOps / ทีม Support

Zoho Projects – ระบบบริหารโครงการครบวงจร

ฟีเจอร์เด่น

  • Blueprint : สร้าง Workflow งานที่มีลำดับชัดเจน เช่น อนุมัติ-ดำเนินการ-ตรวจสอบ

  • Time Tracking : ติดตามเวลาในการทำงานแบบระบุ Task ได้

  • Gantt Chart : เหมาะสำหรับดูภาพรวม Timeline โครงการ

ข้อดี : เหมาะกับโครงการที่มีหลายฝ่าย และต้องมีการตรวจสอบหลายขั้นตอน
เหมาะสำหรับ : ทีม PMO / ทีม Developer / เอเจนซี่

Zoho Books – ระบบบัญชีอัตโนมัติสำหรับองค์กร

ฟีเจอร์เด่น

  • GST/VAT Support : รองรับระบบภาษีของหลายประเทศ รวมถึงไทย

  • Recurring Invoice : ออกบิลอัตโนมัติรายเดือน

  • API Integration : เชื่อมกับระบบ ERP หรือ eCommerce ได้

ข้อดี : ลดการทำบัญชีซ้ำซ้อน สะดวก ตรวจสอบง่าย
เหมาะสำหรับ : แผนกบัญชี / CFO / Startup ที่เติบโตเร็ว

อยากใช้ Zoho Workspace ต้องทำอย่างไรบ้าง?

เพื่อเริ่มต้นใช้งาน Zoho Workspace แนะนำให้ติดต่อเทคโนโลยีแลนด์ พันธมิตรอย่างเป็นทางการที่ผ่านการรับรองจาก Zoho และเป็นผู้ให้บริการ Zoho Workspace และ Zoho email hosting

ข้อมูลโดยสรุป

ทั้งสามแอปมีจุดแข็งที่ช่วยลดภาระงานมนุษย์ เพิ่มระบบอัตโนมัติ และเชื่อมโยงข้อมูลร่วมกันได้อย่างชาญฉลาด Zoho Workspace เหมาะกับทั้งองค์กรขนาดกลาง และใหญ่ที่ต้องการความคล่องตัว

บทความที่เกี่ยวข้อง

อีเมลบริษัทต่างจากฟรีอีเมล์อย่างไร ?

อีเมลบริษัทคืออะไร ?

อีเมลบริษัทคือ Email ที่จดโดเมนเป็นของบริษัทเช่น Email AAA@company.com โดยหากต้องการใช้งานอีเมลบริษัทนั้นจะต้องซื้อบริการจากบริษัทที่รับทำอีเมลบริษัท ซึ่งจะมีผู้ให้บริการจำนวนมากในประเทศไทยโดยการจดโดเมนเป็น @ บริษัทนั้นผู้ใช้งานสามารถเลือกจดโดเมนได้หลากหลายเช่น .com .co.th หรือ .net เป็นต้นโดยขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้งานโดยส่วนใหญ่ในการติดต่อในนามธุรกิจจะใช้งาน อีเมลบริษัทเป็นการติดต่อ หรือหากเป็นองค์กรขนาดใหญ่การติดต่อภายในองค์กรจะใช้ อีเมลบริษัทในการติดต่อซึ่งจะง่ายในการตรวจสอบเป็นอย่างมากและสามารถควบคุมการทำงานภายในองค์กรได้ง่ายมากขึ้นเพราะ อีเมลบริษัทจะสามารถตรวจสอบการทำงานเช่น การ login log การรับเข้า-ส่งออกได้ จึงทำให้อีเมลบริษัทเป็นที่นิยม ซึ่งขั้นตอนทำอีเมลบริษัทก็ไม่ยุ่งยากเลย

ฟรีอีเมลคืออะไร ?

ฟรีอีเมลคือ Email ที่ผู้ใช้งานสามารถสมัครได้ด้วยตนเองผ่าน website ผู้ให้บริการโดยฟรีอีเมล์ที่นิยมกันส่วนใหญ่คือ Gmail, Hotmail หรือ Yahoo โดย Email เหล่านี้จะเป็น Email ส่วนตัวของผู้ใช้งานหรือที่ผู้ให้บริการระบบ Email จะนิยมเรียกว่าฟรีอีเมลเพราะการสมัคร Email ดังกล่าวจะสมัครได้ฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายซึ่งไม่ได้กำหนดว่า 1 คนจะมีฟรีอีเมลกี่ Account ซึ่งถือว่าเป็นช่องโหว่ให้สำหรับ Hacker ที่สมัครฟรีอีเมลและปลอมแปลงส่ง Email แอบอ้างซึ่งระบาดต่อผู้ใช้งานระบบ Email เป็นอย่างมาก

 

เทคโนโลยีแลนด์

อีเมลบริษัทต่างจากฟรีอีเมลอย่างไร ?

อีเมล์บริษัทจะเป็นการติดต่อสื่อสารกันในนามบริษัทจะถือว่าดูเป็นทางการและมืออาชีพมากกว่ารวมไปถึงการตรวจสอบภายในองค์กรจะง่ายต่อการตรวจสอบด้วยซึ่งจะทำให้ผู้ใช้งานนั้นนิยมใช้งานอีเมลบริษัทมากกว่าฟรี Email โดยการใช้อีเมลบริษัทในการติดต่อสื่อสารนั้นยังป้องกันการปลอมแปลงจากบุคคลภายนอกที่ไม่หวังดีแอบอ้างว่าเป็นผู้ใช้งานติดต่อเข้ามาเพื่อสร้างความสับสนให้กับผู้รับทำให้เป็นช่องโหว่ในการติดต่อสื่อสารกันได้

อีเมลบริษัททำงานอย่างไร ?

 

จากภาพการทำงาน Email ขาเข้าหากผู้ส่งทำการส่ง Email เข้ามาจะผ่านตัวกรองขาเข้าเพื่อตรวจสอบเนื้อหาหรือไฟล์แนบว่าเข้าข่ายเป็น Spam หรือมีมัลแวร์แอบแฝงมาหรือไม่หากไม่มี Email ฉบับนั้นจะทำการส่งต่อไปที่ Email Server เพื่อตรวจสอบว่าชื่อ Email ผู้รับอยู่ที่ server ใดและทำการส่งต่อ Email ฉบับดังกล่าวไปยัง Email ผู้รับใน Inbox

จากภาพการทำงานขาออกผู้ส่งจะทำการส่ง Email ออกจากเครื่องจากนั้น Email จะถูกส่งต่อมาที่ Email Server และส่งต่อมายัง Spamfilter เพื่อกรองจดหมายว่ามีไฟล์แนบและเนื้อหาที่เป็น Spam หรือไม่หลังจากนั้นตัวกรองจะใช้ IP ส่ง Email ออกไปหาผู้รับในขั้นตอนต่อไป

ผู้ให้บริการอีเมลบริษัทมีอะไรบ้าง ?

ในการเลือกใช้บริการอีเมล (Email) ของบริษัทนั้น จำเป็นต้องเลือกใช้บริการจากบริษัทที่น่าเชื่อถือ มีความมั่นคง และสามารถให้คำปรึกษากับคุณในเรื่องต่างๆได้เป็นอย่างดี ซึ่งบริษัทที่จะขอแนะนำมีดังต่อไปนี้

บทความที่เกี่ยวข้อง

หากใช้งาน Email Server อยู่จะย้ายผู้ให้บริการได้อย่างไร ?

Email Server คืออะไร ?

Email ที่รับเข้าและส่งออกใช้งานในการสื่อสารภายในองค์กรรวมไปถึงการติดต่อสื่อสารภายนอกองค์กรด้วยเช่นกันโดยส่ง Email นั้นจะมีค่า Incoming และ Outgoing ในการตั้งค่า โดยขั้นตอนทำอีเมลบริษัท จะสามารถตั้งค่าได้ดังนี้

  • Incoming (POP): pop.domainname.com/.co.th
    Port :110  Not SSL และ 995 SSL
  • Incoming (Imap): imap.domainname.com/.co.th
    port : 143  Not SSL และ 993 SSL
  • Outgoing : smtp.domainname.com/.co.th
    port : 587  Not SSL และ 465 SSL

Email Server มีหน้าที่ทำงานเป็นตัวคอยรับส่งและเก็บข้อมูล ของอีเมลพนักงานทุกฉบับไว้ในเครื่องซึ่งถือว่า Mail Server มีการทำงานอย่างหนักอยู่ตลอดเวลาหากต้องการย้าย Mail Server ต้องเลือกผู้ให้บริการที่ดีที่สุด

 

Email Server มีบทบาทอย่างไรต่อองค์กร

Email Server ถือว่าเป็นช่องทางการติดต่อสื่อสารระหว่างธุรกิจอย่างมากเช่นการสั่งซื้อ การยืนยันการสั่งซื้อ รวมไปถึงการแจ้งชำระค่าบริการต่างๆในนามบริษัทซึ่งต้องระวังเรื่องการ Hack ของผู้ไม่หวังดีในการแอบอ้างว่าเป็นผู้ใช้งานในองค์กรหรือแอบอ้างว่าเป็นผู้ติดต่อการซื้อขายและมีการเปลี่ยนเลขที่บัญชีในการโอนเงิน ถือว่าเป็นภัยต่อองค์กรอย่างมาก Email Server ที่ปลอดภัยต่อองค์กรจะขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้งานของ User ร่วมด้วยเช่นผู้ใช้งานหมั่น Scan ไวรัสและเปลี่ยน Password อย่างสม่ำเสมอ และตรวจสอบไฟล์แนบที่ไม่ปลอดภัยก่อนทำการเปิดไฟล์แนบ

 

ขั้นตอนการย้าย Email Server ทำอย่างไร ?

  • Backup ข้อมูลทุก User ก่อนทำการย้าย Mail Server
  • ตรวจสอบค่า DNS เดิมว่ามีค่าใดที่ต้องการ Point ใน NS ใหม่หรือไม่ (กรณีที่ต้องการเปลี่ยนค่า NS)
  • กำหนดรายชื่อ Email ให้ผู้บริการ Email Server ใหม่
  • กำหนดวันและเวลาในการเปลี่ยน Email Server
  • เปลี่ยนค่าใน DNS เช่นเปลี่ยน MX,Cname,TXT หรือเปลี่ยน NS ใหม่

 

การย้าย Email Server กระทบต่อกลุ่มใดมากที่สุด ?

การย้าย Email Server กระทบต่อผู้ใช้งาน หรือ User มากที่สุดเพราะการเปลี่ยนค่า DNS นั้นจะทำให้ระบบ Email ไม่สามารถใช้งานได้ทันที ซึ่งถือว่าการกำหนดวันและเวลาในการเปลี่ยนค่าระบบ Email หรือ DNS นั้นสำคัญอย่างมากเพราะการรอค่า DNS Update ขึ้นอยู่กับ Internet ของผู้ใช้งานโดยปกติทั่วไปจะใช้ระยะเวลาในการ Update DNS ประมาณ 3-5 ชั่วโมง โดยทางผู้ให้บริการจะย้ำลูกค้าเสมอในการย้ายระบบ Email Server นั้นต้องย้ายในช่วงระยะเวลาที่มีผู้ใช้งานน้อยที่สุดเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งาน

 

คำถามที่เกี่ยวข้อง

วิธีการย้ายโดเมน .com และ .co.th

วิธีการย้ายโดเมน .com สามารถดำเนินการได้เลยโดยไม่ต้องมีเอกสารใด ๆ แต่ลูกค้าต้องประสานงานกับผู้ให้บริการรายเก่าเพื่อขอข้อมูลในการย้ายโดเมน .com ดังนี้

  • Auz code ของโดเมน
  • เปลี่ยนสถานะโดเมน เป็น active/OK
  • โดเมนต้องไม่หมดอายุ
  • ให้ registrant email กด Approve เมื่อดำเนินการย้ายโดเมนแล้ว

วิธีการย้ายโดเมน .co.th จะต้องใช้เอกสารในการย้าย ผู้ให้บริการดูแลโดเมนรายใหม่ จะส่งเอกสารให้ลูกค้ากรอกและประทับตาบริษัท และส่งให้บริการจะดำเนินการย้ายโดเมนให้ดังนี้

  • ผู้ให้บริการจะส่งเอกสารที่ประทับตาบริษัทให้ทาง THnic ผู้รับจดโดเมน .co.th ทั่วประเทศ
  • ทาง THnic จะดำเนินการโดเมนตามเอกสารแจ้งเข้าระบบผู้ให้บริการใหม่
  • จากนั้นผู้ให้บริการกดรับโดเมนตามเอกสาร ถือว่าเป็นการย้ายโดเมน .co.th เสร็จสมบรูณ์

 

ความกังวลด้านการตั้งค่า DNS ในการย้าย Email Server

เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่กังวลเรื่องการตั้งค่า DNS อย่างมากเพราะหากมีการตั้งค่าผิดพลาดไปจะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งานทันทีโดยผู้ให้บริการส่วนใหญ่จะแนะนำให้ลูกค้าส่งหน้าจัดการDomain มาให้ผู้บริการเปลี่ยนค่าให้แทนโดยค่าที่เปลี่ยนระบบ Email Server นั้นจะมี 3 ค่า คือ MX,Cname,TXT การเปลี่ยนค่าดังกล่าวนี้ต้องตรวจสอบว่าลูกค้ามีการใช้งาน Website หรือไม่ หากมีการใช้งานให้เปลี่ยนค่าดังกล่าวได้เลย แต่หากไม่มีการใช้งานทางผู้ให้บริการจะแนะนำให้ลูกค้าเปลี่ยนเป็นค่า NS ซึ่งจะทำให้การจัดการด้าน DNS ง่ายต่อผู้ให้บริการและป้องกันกันล่มของระบบ Email ด้วย เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ที่เปลี่ยนค่า MX,Cname,TXT หากมีการเปลี่ยนค่า NS ไปแต่ไม่ได้นำค่าระบบ Email ไป point ใน NS ใหม่จะทำให้ระบบ Email ล่มซึ่งต้องรอ DNS Update 1-3 ชม.ทำให้การติดต่อสื่อสารขาดหายไปในการดำเนินธุรกิจส่งผลกระทบอย่างมาก

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

OneDrive for Business เครื่องมือยุคใหม่ที่ใช้ขับเคลื่อนองค์กร

ในยุคที่ข้อมูลคือทรัพยากรที่มีค่าที่สุด การจัดการข้อมูลอย่างปลอดภัย และมีประสิทธิภาพคือสิ่งที่องค์กรต้องใส่ใจ OneDrive for Business เป็นโซลูชัน Cloud Storage ที่พัฒนาเพื่อใช้งานในระดับองค์กรโดยเฉพาะ ซึ่ง OneDrive คือหนึ่งในฟังชั่นของ Microsoft 365

OneDrive มีประโยชน์ต่อองค์กรอย่างไร ?

  • พนักงานสามารถเข้าถึงไฟล์ได้จากทุกที่
  • ลดความเสี่ยงจากการใช้แฟลชไดรฟ์ หรือ อีเมลส่วนตัว
  • สร้างวัฒนธรรมการทำงานร่วมกันด้วยไฟล์เดียว

ความปลอดภัยระดับองค์กร

  • Integration กับ Azure AD
  • สามารถตั้ง Policy ลบไฟล์อัตโนมัติเมื่อพนักงานลาออก
  • Audit log ตรวจสอบย้อนหลังได้
  • ใช้ Microsoft Purview สำหรับ Compliance

เพิ่มประสิทธิภาพองค์กรได้อย่างไร ?

  • สามารถใช้ร่วมกับ Microsoft Teams ได้
  • แชร์โฟลเดอร์ให้กับแผนกต่าง ๆ เช่น “การเงิน”, “การตลาด”
  • ผูกกับ Power Automate เพื่อ Workflow ที่สามารถทำงานได้อัตโนมัติ

อยากเริ่มใช้งาน OneDrive for Business ต้องทำอย่างไร ?

OneDrive คือหนึ่งในฟังชั่นของ Microsoft 365 การเริ่มใช้งานต้องติดต่อสอบถามกับทางตัวแทนจำหน่าย ซึ่งทางเทคโนโลยีแลนด์คือผู้ให้บริการ Microsoft 365 ราคาถูก สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้เลย

ข้อมูลโดยสรุป

OneDrive for Business เป็นโซลูชัน Cloud Storage ที่พัฒนาเพื่อใช้งานในระดับองค์กรโดยเฉพาะ ซึ่ง OneDrive คือหนึ่งในฟังชั่นของ Microsoft 365 หากองค์กรใดที่ใช้งาน OneDrive อย่างเต็มศักยภาพจะสามารถปรับตัวกับ Hybrid Work ได้อย่างราบรื่น และปลอดภัย

บทความที่เกี่ยวข้อง

 

Zoho Workplace กับ Zoho Email Hosting ต่างกันยังไง ? อันไหนเหมาะกับการใช้อีเมลอย่างเดียวบ้าง ?

Zoho Workplace และ Zoho Email Hosting เป็นบริการที่อยู่ในเครือของ Zoho Corporation เหมือนกัน แต่มีขอบเขตการใช้งาน และฟีเจอร์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ดังนี้

Zoho Workplace คืออะไร ?

Zoho Workplace คือ ชุดแอปพลิเคชันสำนักงานออนไลน์ (Office Suite) แบบครบวงจร สำหรับการทำงานร่วมกันภายในทีม/องค์กร โดยรวม Zoho Email Hosting เข้าเป็นหนึ่งในเครื่องมือของชุดนี้ด้วย

ประกอบด้วยแอปหลัก ๆ ดังนี้

  • Zoho Mail Hosting – ระบบอีเมล
  • Zoho Writer – โปรแกรมประมวลผลคำ (เหมือน Word)
  • Zoho Sheet – สเปรดชีต (เหมือน Excel)
  • Zoho Show – สร้างสไลด์พรีเซนต์ (เหมือน PowerPoint)
  • Zoho WorkDrive – ที่เก็บไฟล์บนคลาวด์ (เหมือน Google Drive)
  • Zoho Cliq – แชทภายในทีม (เหมือน Slack)
  • Zoho Meeting – วิดีโอคอล/ประชุมออนไลน์
  • Zoho Connect – โซเชียลภายในองค์กร
  • Zoho Calendar, Notebook ฯลฯ

Zoho Email Hosting คืออะไร ?

Zoho Email Hosting คือ บริการอีเมลสำหรับองค์กร (Email Hosting) ที่ให้ผู้ใช้งานสามารถมีอีเมลในรูปแบบชื่อโดเมนบริษัท โดยเน้นเรื่อง ความปลอดภัย, ความเสถียร และไม่มีโฆษณา

ฟีเจอร์หลักของ Zoho Email Hosting

  • อีเมลแบบมืออาชีพ (Custom domain email)
  • ระบบกรองสแปม และมัลแวร์
  • ปฏิทิน (Calendar), งาน (Tasks), บันทึก (Notes)
  • Webmail ใช้งานง่าย พร้อมแอปมือถือ
  • การจัดการบัญชีผู้ใช้ (User Management) สำหรับแอดมิน

อันไหนเหมาะกับการใช้อีเมลอย่างเดียว ?

สำหรับผู้ที่ต้องการใช้งานเพียงอีเมลอย่างเดียว การเลือกใช้งานเฉพาะ Zoho Email Hosting ก็จะตอบโจทย์มากกว่า เพราะมีราคาที่ถูกกว่าการเลือกเลือกใช้งาน Zoho Workplace

อยากใช้ Zoho Email Hosting ต้องทำอย่างไรบ้าง?

เพื่อเริ่มต้นใช้งาน Zoho email hosting แนะนำให้ติดต่อเทคโนโลยีแลนด์ พันธมิตรอย่างเป็นทางการที่ผ่านการรับรองจาก Zoho

ข้อมูลโดยสรุป

Zoho Workplace แตกต่างจาก Zoho Email Hosting ตรงที่ Zoho Workplace คือ ชุดแอปพลิเคชันสำนักงานออนไลน์ (Office Suite) แบบครบวงจร ส่วน Zoho Email Hosting คือ บริการอีเมลสำหรับองค์กร ซึ่ง Zoho Email Hosting ก็เป็นหนึ่งในเครื่องมือของชุดนี้ด้วย สำหรับผู้ที่ต้องการใช้งานเพียงอีเมลอย่างเดียว การเลือกใช้งานเฉพาะ Zoho Email Hosting ก็จะตอบโจทย์มากกว่า เพราะมีราคาที่ถูกกว่าการเลือกเลือกใช้งาน Zoho Workplace

บทความที่เกี่ยวข้อง

แอปไหนปังสุดใน Microsoft 365 มาดูกันเลย !

Microsoft 365 คือระบบอีเมลบริษัทที่กำลังมาแรงในยุคนี้ ซึ่งเป็นที่จับตามองอย่างมากสำหรับผู้ที่กำลังจะเริ่มใช้งานอีเมลบริษัท แต่ Microsoft 365 ไม่ได้มีให้บริการแค่อีเมลบริษัทเพียงอย่างเดียว ยังมี Application อื่น ๆ ให้ใช้งานด้วย โดย App ไหนที่น่าใช้งานมั้ง ดูได้ในบทความนี้เลย

Microsoft Word

Microsoft Word คือ แอปที่ใช้สำหรับสร้าง และแก้ไขเอกสารข้อความ เช่น รายงาน จดหมาย หรือ แบบฟอร์ม โดยมีจุดเด่นที่มีเทมเพลตให้เลือกมากมาย และรองรับการทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์

Microsoft Excel

Microsoft Excel คือ แอปที่ใช้สำหรับจัดการข้อมูลในรูปแบบตาราง ทำการคำนวณ สร้างกราฟ และการวิเคราะห์ข้อมูล โดยมีจุดเด่นที่มีฟังก์ชันสูตรหลากหลาย รองรับการทำ Power Query และ Pivot Table

Microsoft PowerPoint

Microsoft PowerPoint คือ แอปที่ใช้สำหรับสร้างงานนำเสนอ (Presentation) ทั้งแบบภาพนิ่ง และแบบโต้ตอบ โดยมีจุดเด่นที่มีธีม และเทมเพลตมืออาชีพ พร้อมเอฟเฟกต์ภาพเคลื่อนไหว

Microsoft Outlook

Microsoft Outlook คือ แอปที่ใช้สำหรับรับส่งอีเมล จัดการปฏิทิน นัดหมาย รายชื่อผู้ติดต่อ และงานต่าง ๆ โดยมีจุดเด่นที่การรวมอีเมลกับระบบจัดการตารางเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ

Microsoft Teams

Microsoft Teams คือ แอปที่ใช้สำหรับการแชท ประชุมออนไลน์ แชร์ไฟล์ และทำงานร่วมกันเป็นทีม โดยมีจุดเด่นที่รองรับวิดีโอคอลล์, การสร้างทีมแยกย่อย, การใช้งานร่วมกับแอปอื่นใน Microsoft 365

 

OneDrive

 

OneDrive คือ แอปที่ใช้สำหรับเก็บไฟล์บนคลาวด์ส่วนตัว โดยมีจุดเด่นที่เข้าถึงไฟล์ได้จากทุกอุปกรณ์ สามารถแชร์ไฟล์ให้คนอื่นได้

 

SharePoint

 

SharePoint คือ แอปที่ใช้สำหรับการสร้างอินทราเน็ต พื้นที่จัดเก็บ และแชร์เอกสารในองค์กร โดยมีจุดเด่นที่รองรับการสร้างเว็บไซต์ภายในองค์กร และการทำเวิร์กโฟลว์

 

OneNote

 

OneNote คือ แอปที่ใช้สำหรับจดโน้ตแบบดิจิทัล จัดระเบียบความคิด และการเรียนรู้ โดยมีจุดเด่นที่จดบันทึกด้วยข้อความ ภาพ เสียง ลิงก์ และสามารถซิงค์ระหว่างอุปกรณ์ได้

 

Planner / To Do

 

Planner / To Do คือ แอปที่ใช้สำหรับจัดการงาน และโปรเจกต์ในทีม (Planner) และรายการงานส่วนตัว (To Do) โดยมีจุดเด่นที่ใช้งานง่าย มีการแจ้งเตือน และทำงานร่วมกับ Outlook, Teams ได้

 

Power Automate / Power BI / Power Apps

 

Power Automateคือ แอปที่ใช้สร้างเวิร์กโฟลว์อัตโนมัติ

 

Power BI คือ แอปที่ใช้สร้างแดชบอร์ด และวิเคราะห์ข้อมูลแบบเชิงลึก

 

Power Apps คือ แอปที่ใช้สร้างแอปใช้งานเองโดยไม่ต้องเขียนโค้ด

อยากเริ่มใช้งาน Microsoft 365 ต้องทำอย่างไร ?

การเริ่มใช้งาน Microsoft 365 ต้องติดต่อสอบถามกับทางตัวแทนจำหน่าย ซึ่งทางเทคโนโลยีแลนด์คือผู้ให้บริการ Microsoft 365 ราคาถูก สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้เลย

บทความที่เกี่ยวข้อง

ระบบป้องกันของ Zoho Email Hosting

Zoho email hosting เป็นหนึ่งในบริการอีเมลบริษัทที่มีจุดเด่นของเรื่องการไม่มีโฆษณา รักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ และเน้นความปลอดภัยเป็นหลัก

ระบบความปลอดภัยของ Zoho Email Hosting

การเข้ารหัสข้อมูล (Encryption)

ระหว่างการส่งข้อมูล (In-Transit)

Zoho Email Hosting ใช้ TLS (Transport Layer Security) เพื่อเข้ารหัสอีเมลระหว่างการส่งจากเครื่องผู้ส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ Zoho และจากเซิร์ฟเวอร์ไปยังผู้รับ หากผู้ให้บริการอีเมลของผู้รับรองรับ TLS อีเมลจะถูกเข้ารหัสตลอดเส้นทาง

ขณะจัดเก็บข้อมูล (At-Rest)

Zoho Email Hosting ใช้การเข้ารหัส AES-256 ในการป้องกันข้อมูลที่จัดเก็บอยู่ในเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งเป็นมาตรฐานความปลอดภัยระดับสูง

การเข้ารหัสแบบ End-to-End (E2EE)

Zoho Email Hosting ไม่ได้รองรับการเข้ารหัสแบบ E2EE โดยค่าเริ่มต้น แต่สามารถใช้งานผ่านปลั๊กอินของ PGP (Pretty Good Privacy) ได้สำหรับผู้ที่ต้องการความปลอดภัยสูงสุด

การรับรองความถูกต้อง (Authentication)

SPF, DKIM, DMARC

Zoho Email Hosting รองรับการตั้งค่า SPF, DKIM และ DMARC เพื่อป้องกันการปลอมแปลงอีเมลและลดความเสี่ยงจากฟิชชิ่ง

การยืนยันตัวตนแบบสองชั้น (2FA)

Zoho Email Hosting รองรับการเปิดใช้ Two-Factor Authentication (2FA) ผ่าน SMS, OTP และแอปอย่าง Google Authenticator หรือ Zoho OneAuth

ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล

ข้อมูลของผู้ใช้จะถูกจัดเก็บในศูนย์ข้อมูลที่อยู่ในประเทศที่เลือก และ เป็นไปตามกฎหมายความเป็นส่วนตัว เช่น GDPR (ของยุโรป) ซึ่ง Zoho มีจุดยืนด้านความเป็นส่วนตัวที่แข็งแกร่ง โดย ไม่มีการสแกนอีเมลเพื่อโฆษณา

ระบบตรวจจับภัยคุกคาม

Zoho Email Hosting มีระบบ anti-spam และ anti-virus แบบเรียลไทม์ โดยใช้ AI และ heuristics ในการวิเคราะห์พฤติกรรมที่น่าสงสัย เช่น อีเมลฟิชชิ่ง ลิงก์อันตราย หรือ การแนบไฟล์มัลแวร์

การตรวจสอบ และควบคุมการเข้าถึง

ผู้ดูแลระบบสามารถกำหนดสิทธิ์เข้าถึง และติดตามกิจกรรมผู้ใช้ผ่านระบบ Audit Logs ซึ่งมีฟีเจอร์ Email Retention และ eDiscovery สำหรับองค์กรที่ต้องการเก็บหลักฐาน หรือ ทำ Compliance ตามกฎหมาย

อยากใช้ Zoho Email Hosting ต้องทำอย่างไรบ้าง?

เพื่อเริ่มต้นใช้งาน Zoho email hosting แนะนำให้ติดต่อเทคโนโลยีแลนด์ พันธมิตรอย่างเป็นทางการที่ผ่านการรับรองจาก Zoho

บทความที่เกี่ยวข้อง

1 โดเมน สามารถใช้งาน 2 ระบบอีเมลได้หรือไม่ ?

ผู้ใช้งานอีเมลบริษัทอยู่ คงรู้กันอยู่แล้วว่าปกติ 1 โดเมนจะสามารถใช้งานระบบอีเมลได้เพียงระบบเดียวเท่านั้น แต่ก็มีผู้ให้บริการบางราย สามารถทำให้ 1 โดเมนนั้นสามารถใช้งานได้ 2 ระบบ หรือ ที่เรียกกว่า Hybird เช่น Microsoft 365 กับ Email Hosting หรือ Google Workspace กับ Email Hosting ซึ่งการใช้งานแบบ Hybird มีข้อดีดังนี้

ลดต้นทุนค่าใช้จ่าย

การใช้งาน Microsoft 365 หรือ Google Workspace สำหรับทุกบัญชีผู้ใช้งานในบริษัท อาจมีค่าใช้จ่ายที่สูงเกินความจำเป็น เพราะบางกลุ่มผู้ใช้งาน เช่น พนักงานที่ใช้แค่อีเมลพื้นฐาน ไม่ได้มีความจำเป็นต้องใช้ฟีเจอร์ครบถ้วน การใช้ Email Hosting สำหรับกลุ่มผู้ใช้ทั่วไป และสงวน Microsoft 365 หรือ Google Workspace ให้กับกลุ่มที่ต้องใช้ฟีเจอร์ขั้นสูง ช่วยลดต้นทุนได้อย่างมีนัยสำคัญ

ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพตามความต้องการ

ผู้ใช้งานแต่ละกลุ่มในบริษัท มีลักษณะการทำงานที่แตกต่างกัน บางคนต้องการฟังก์ชันการทำงานที่ครบถ้วนบนMicrosoft 365 หรือ Google Workspace ในขณะที่บางคนต้องการเพียงการส่ง-รับอีเมลธรรมดา การทำ Hybrid ช่วยให้บริษัทสามารถ “จัดสรรทรัพยากร” ได้อย่างเหมาะสม ตรงกับการใช้งานจริง

ประสบการณ์การใช้งานที่ต่อเนื่อง

ระบบ Hybrid ถูกออกแบบมาให้ผู้ใช้งานสามารถส่ง – รับอีเมลหากันได้ภายในโดเมนเดียวกันอย่างราบรื่น ไม่ว่าผู้ใช้งานคนนั้นจะอยู่บนMicrosoft 365 หรือ Google Workspace หรือ Email Hosting ก็ตาม

ความปลอดภัยสูงขึ้น

ทั้ง Microsoft 365, Google Workspace และ Email Hosting ต่างมีระบบความปลอดภัยขั้นสูง ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันสแปม, มัลแวร์, การเข้ารหัสข้อมูล และระบบตรวจสอบการล็อกอินที่ผิดปกติ บริษัทสามารถวางโครงสร้างการรักษาความปลอดภัยได้หลายระดับ เช่น กำหนดให้ฝ่ายบริหารใช้งาน Microsoft 365 หรือ Google Workspace ที่มีมาตรฐาน Compliance สูง ในขณะที่พนักงานทั่วไปใช้งานบน Email Hosting ที่มีระบบ Anti-spam รองรับ

รองรับการขยายตัวในอนาคต

เมื่อธุรกิจเติบโตขึ้น ความต้องการใช้งานระบบอีเมลที่หลากหลายก็เพิ่มขึ้น การเลือกใช้โครงสร้างแบบ Hybrid ทำให้บริษัทสามารถปรับเปลี่ยน เพิ่ม หรือ ลดการใช้งานMicrosoft 365 หรือ Google Workspace หรือ Email Hosting ได้อย่างยืดหยุ่น โดยไม่กระทบกับการทำงานของผู้ใช้งานเดิม

อยากเริ่มใช้งานระบบอีเมลแบบ Hybird ต้องทำอย่างไร ?

สำหรับการทำอีเมลบริษัทแบบ Hybird นั้น ต้องสอบถามกับผู้ให้บริการรายนั้น ๆ ว่าสามารถทำได้ หรือ ไม่ ซึ่งทางเทคโนโลยีแลนด์คือหนึ่งในบริษัทที่สามารถทำได้ ท่านสามารถสอบถามกับทางเทคโนโลยีแลนด์ผู้ให้บริการ Microsoft 365 ราคาถูก และ Google Workspace ราคาถูกได้เลย

ข้อมูลโดยสรุป

1 โดเมนสามารถใช้งาน 2 ระบบอีเมลได้ โดยการทำระบบอีเมลบริษัทแบบ Hybrid ระหว่าง Microsoft 365 กับ Email Hostingหรือ Google Workspace กับ Email Hosting เป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับบริษัทที่ต้องการทั้ง ประสิทธิภาพ ความยืดหยุ่น และความคุ้มค่า พร้อมตอบโจทย์ทั้งการทำงานในปัจจุบัน และรองรับการขยายตัวในอนาคตอย่างมั่นคง

บทความที่เกี่ยวข้อง

เหตุผลที่ต้องเลือกใช้งาน Zoho email hosting

Zoho email hosting คือระบบอีเมลบริษัทน้องใหม่ หลายๆคนคงสงสัยว่าทำไมถึงต้องเลือกใช้ระบบนี้ มาดูเหตุผลกัน

รองรับโดเมนบริษัท (Custom Domain)

สามารถตั้งค่าอีเมลบริษัทโดยใช้โดเมนของตนเองได้ในแพ็กเกจราคาถูกมาก และ Zoho ยังให้เครื่องมือในการจัดการ DNS, SPF, DKIM และอื่น ๆ อย่างง่ายดาย

ไม่มีโฆษณา และให้ความเป็นส่วนตัวสูง

Zoho email hosting ไม่แสดงโฆษณา และไม่สแกนอีเมลเพื่อโฆษณาแบบ Gmail ซึ่งข้อมูลจะอยู่บนเซิร์ฟเวอร์ที่ปลอดภัย และ Zoho มีนโยบายความเป็นส่วนตัวที่เข้มงวด

ฟีเจอร์ครบครันสำหรับธุรกิจ

Zoho email hosting มาพร้อมระบบ Calendar, Tasks, Notes, Contacts พร้อมในตัว รองรับ IMAP/POP/ActiveSync สามารถใช้ร่วมกับ Outlook, Thunderbird หรือ แอปมือถือได้ และมี Admin Console สำหรับจัดการบัญชีพนักงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ระบบนิเวศของ Zoho (Zoho Ecosystem)

หากมีการขยายธุรกิจ Zoho ยังมีระบบอื่น ๆ เช่น Zoho CRM, Zoho Books (บัญชี), Zoho Projects (จัดการโปรเจกต์) เป็นต้น ซึ่งสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างต่อเนื่อง

การสนับสนุนลูกค้าดี

Zoho มีระบบ Ticket, Live Chat และฐานความรู้ที่เข้าใจง่าย รองรับภาษาไทยบางส่วน และยังมีตัวแทนจำหน่ายในไทย

ราคาที่ประหยัดกว่า

Zoho email hosting มีแพ็กเกจราคาถูกกว่าระบบอื่น เหมาะอย่างมากโดยเฉพาะสำหรับ SME หรือ ธุรกิจขนาดเล็กที่มีงบจำกัด

อยากใช้ Zoho Email Hosting ต้องทำอย่างไรบ้าง?

เพื่อเริ่มต้นใช้งาน Zoho email hosting แนะนำให้ติดต่อเทคโนโลยีแลนด์ พันธมิตรอย่างเป็นทางการที่ผ่านการรับรองจาก Zoho

บทความที่เกี่ยวข้อง

เปรียบเทียบข้อมูลระหว่าง Zoho email hosting, Google Workspace และ Microsoft 365

การเริ่มต้นการใช้งานอีเมลบริษัท ผู้ใช้งานก็คงสงสัยว่าจะเลือกใช้งานระบบใดดี เพราะมีให้เลือกใช้งานหลากหลายระบบ ซึ่งการเลือกระบบอีเมลบริษัทก็ควรเลือกระบบที่ตอบโจทย์การใช้งานของบริษัท โดยแต่ละระบบมีรายละเอียดดังนี้

ข้อมูลเปรียบเทียบระบบอีเมลบริษัท

Zoho email Hosting

  • โดเมนบริษัท : รองรับการใช้งานโดเมนบริษัท
  • ความเป็นส่วนตัว/ไม่มีโฆษณา : ไม่มีโฆษณา และไม่สแกนเนื้อหา
  • พื้นที่เก็บข้อมูล : เริ่มต้นที่ 5 GB/ผู้ใช้ (ตามแพ็กเกจ)
  • ฟีเจอร์ธุรกิจ : Email, Calendar, Tasks, Notes, Admin Console เป็นต้น
  • แอปมือถือ/เดสก์ท็อป : ในมือถือมีแอป Zoho Mail และเดสก์ท็อปสามารถใช้งานแบบ IMAP/POP ได้
  • ซิงค์กับแอปอื่น : ซิงค์กับ Outlook, Thunderbird ฯลฯ
  • ระบบความปลอดภัย : 2FA, Encryption, SPF/DKIM
  • ระบบจัดการผู้ใช้ (Admin) : ใช้งานง่าย มี Dashboard
  • ระบบนิเวศ (Ecosystem) : Zoho CRM, Books, Projects

Google Workspace

  • โดเมนบริษัท : รองรับการใช้งานโดเมนบริษัท
  • ความเป็นส่วนตัว/ไม่มีโฆษณา : มีการวิเคราะห์เนื้อหา
  • พื้นที่เก็บข้อมูล : เริ่มต้นที่ 30 GB/ผู้ใช้ (ตามแพ็กเกจ)
  • ฟีเจอร์ธุรกิจ : Email, Calendar, Chat, Meet, Docs เป็นต้น
  • แอปมือถือ/เดสก์ท็อป : ในมือถือมีแอป Gmail และเดสก์ท็อปสามารถใช้งานกับแอปอื่นได้
  • ซิงค์กับแอปอื่น : ซิงค์ดีมากกับ Google Apps
  • ระบบความปลอดภัย : 2FA, Encryption, SPF/DKIM
  • ระบบจัดการผู้ใช้ (Admin) : ใช้งานง่าย มี Console
  • ระบบนิเวศ (Ecosystem) : Google Docs, Meet, Drive

Mirosoft 365

  • โดเมนบริษัท : รองรับการใช้งานโดเมนบริษัท
  • ความเป็นส่วนตัว/ไม่มีโฆษณา : ไม่มีโฆษณา
  • พื้นที่เก็บข้อมูล : เริ่มต้นที่ 50 GB/ผู้ใช้ (ตามแพ็กเกจ)
  • ฟีเจอร์ธุรกิจ : Email, Calendar, Teams, Word, Excel เป็นต้น
  • แอปมือถือ/เดสก์ท็อป : ในมือถือมีแอป Outlook และเดสก์ท็อปสามารถใช้งานกับ Microsoft Outlook
  • ซิงค์กับแอปอื่น : ซิงค์ดีมากกับ Microsoft Apps
  • ระบบความปลอดภัย : 2FA, Encryption, SPF/DKIM
  • ระบบจัดการผู้ใช้ (Admin) : ครบเครื่องระดับองค์กร
  • ระบบนิเวศ (Ecosystem) : Office, Teams, OneDrive

ควรเลือกอีเมลบริษัทระบบใดดี

การเลือกระบบอีเมลก็ควรเลือกระบบที่ตอบโจทย์การใช้งานมากที่สุด เช่น

  • ต้องการประหยัดงบ, เน้นใช้อีเมลพื้นฐาน ควรเลือก Zoho email hosting
  • เคยใช้บริการของ Google อยู่แล้ว (Docs, Meet, Drive) ควรเลือก Google Workspace
  • ต้องการใช้ Word/Excel/Teams เป็นหลัก ควรเลือก Microsoft 365

อยากใช้ Zoho Email Hosting ต้องทำอย่างไรบ้าง?

เพื่อเริ่มต้นใช้งาน Zoho email hosting แนะนำให้ติดต่อเทคโนโลยีแลนด์ พันธมิตรอย่างเป็นทางการที่ผ่านการรับรองจาก Zoho

ข้อมูลโดยสรุป

การเลือกระบบอีเมลก็ควรเลือกระบบที่ตอบโจทย์การใช้งานมากที่สุด ซึ่งสามารถดูจากข้อมูลด้านบน เพื่อประกอบการตัดสินใจได้เลย

บทความที่เกี่ยวข้อง