Space ขั้นต่ำที่รองรับการติดตั้ง Windows 11

Windows 11 เป็นระบบปฎิบัติการเวอร์ชั่นล่าสุดที่ทาง Microsoft ให้บริการ ซึ่งก่อนทำการติดตั้งก็ต้องตรวจสอบก่อนว่า PC หรือ Laptop ที่ใช้งานนั้นมี Space ที่รองรับ Windows 11 หรือไม่

สิ่งที่ต้องรู้ก่อนทำการติดตั้ง Windows 11 !

กรณีใช้งาน Windows 10 และต้องการอัพเกรดเป็น Windows 11 ควรตรวจสอบว่า PC หรือ Laptop ที่ใช้งานนั้น ผ่านเกณฑ์ Space ขั้นต่ำก่อนทำการอัพเกรด และ Windows 10 ที่ใช้งานต้องเป็น Windows ลิขสิทธิ์แท้ และตรงกับตัวที่สามารถอัพเกรดเป็น Windows 11 ได้ โดยสามารถใช้โปรแกรมที่ชื่อว่า “PC Health Check” ตรวจสอบความเข้ากันได้ของคอมพิวเตอร์ที่ใช้งาน ว่าจะสามารถใช้งาน Windows 11 ได้หรือไม่

Space ขั้นต่ำที่รองรับการติดตั้ง Windows 11

หัวข้อ Space ขั้นต่ำ
โปรเซสเซอร์ 1 GHz หรือเร็วกว่า, 2 คอร์ขึ้นไป , โปรเซสเซอร์ 64-bit ที่เข้ากันได้หรือ (SoC)
RAM 4 GB
ที่เก็บข้อมูล 64 GB
เฟิร์มแวร์ระบบ UEFI ที่รองรับ Secure Boot
TPM Trusted Platform Module (TPM) เวอร์ชัน 2.0
การ์ดจอ DirectX 12 หรือใหม่กว่าพร้อมไดรเวอร์ WDDM 2.0
จอแสดงผล ความละเอียดHD (720p) , ขนาน 9 นิ้วขึ้นไป , การตั้งค่า bit ต่อช่องสี 8 bit

ตารางบอก Space ขั้นต่ำที่รองรับการติดตั้ง Windows 11

สามารถซื้อ Key Windows 11 ลิขสิทธิ์แท้ได้จากที่ไหน ?

สามารถซื้อ Key Windows ลิขสิทธิ์แท้ราคาถูกได้จากตัวแทนจำหน่ายของ Microsoft

ข้อมูลโดยสรุป

ก่อนทำการติดตั้ง Windows 11 ต้องตรวจสอบก่อนว่า PC หรือ Laptop ที่ใช้งานนั้นมี Space ที่รองรับ Windows 11 หรือไม่ และ Windows 10 ที่ใช้งานต้องเป็น Windows ลิขสิทธิ์แท้ และตรงกับตัวที่สามารถอัพเกรดเป็น Windows 11 ได้ โดยสามารถใช้โปรแกรมที่ชื่อว่า “PC Health Check” ตรวจสอบความเข้ากันได้ของคอมพิวเตอร์ที่ใช้งาน

บทความที่เกี่ยวข้อง

 

 

Windows คืออะไร ?

Windows คืออะไร ?

Windows คือ จุดเริ่มต้นแรกในการใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือ Laptop ซึ่ง Windows เป็นระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ ที่ถูกสร้างขึ้นโดย Microsoft เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมาให้เพื่อให้สามารถใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ได้อย่างสะดวกขึ้น

เลือกใช้ Windows แบบไหนดี ?

การเลือกใช้งาน Windows ควรเลือกให้ตรงตามสิทธิ์ของ Software และลิขสิทธิ์ที่ถูกต้อง โดย Windows มีสิทธิ์ของ Software แต่ละประเภทดังนี้

  • Home/Family คือ สำหรับใช้ภายในครัวเรือน และครอบครัว
  • Education คือ สำหรับใช้เพื่อการศึกษา หรือ ในสถานศึกษา
  • Non-Profit คือ สำหรับหน่วยงานไม่แสวงหาผลกำไร
  • Commercial คือ สำหรับใช้เพื่อการพาณิชย์

ซื้อ Windows ลิขสิทธิ์แท้ได้อย่างไร ?

สามารถซื้อ Windows ลิขสิทธิ์แท้ราคาถูกได้จากตัวแทนจำหน่ายของ Microsoft

Windows ลิขสิทธิ์แท้มีจำหน่าย Key แบบใดบ้าง ?

Windows ลิขสิทธิ์แท้ที่มีจำหน่ายมี Key อยู่ 4 ประเภท ดังนี้

  • FPP คือ แบบที่จำหน่ายเป็นกล่องที่มาพร้อมกับ CD, Flash drive และ CD Key ที่เห็นกันตามห้างสรรพสินค้า 1 กล่องต่อ 1 License
  • OEM คือ แบบที่แถมมากับตอนซื้อเครื่อง จะราคาถูกเพราะราคารวมกับราคาเครื่องที่เราซื้อมาไปแล้ว
  • CSP คือ แบบที่ Login เข้าไป เพื่อไปนำ Key จาก Web Microsoft โดยตรง
  • Volume Licensing คือ แบบที่ขายมากกว่า 5 License สำหรับองค์กร

จะรู้ได้อย่างไรว่า Windows ที่ใช้งานนั้นเป็นลิขสิทธิ์แท้ ?

Windows ลิขสิทธิ์แท้แต่ละประเภทจะมีวิธียืนยันว่าเป็นลิขสิทธิ์แท้ ดังนี้

  • FPP คือ กล่องที่ซื้อมา, Sticker หลังกล่อง, ใบเสร็จรับเงิน
  • OEM คือ Sticker ที่ติดมากับเครื่อง, ใบเสร็จรับเงิน
  • CSP คือ Product Key, ใบเสร็จรับเงิน
  • Volume Licensing คือ เอกสารตอนที่ซื้อมา

ดังนั้นหากอยากทราบว่า Windows ที่ใช้อยู่เป็นของแท้หรือไม่ สิ่งง่าย ๆ คือ สามารถยืนยันสิทธิ์ตามข้อมูลด้านบนได้หรือไม่ หากมีหน่วยงานภายนอกมาตรวจสอบ หรือการสั่งซื้อสินค้านั้นได้มีข้อมูลตามข้อมูลด้านบนครบถ้วนหรือไม่

ข้อมูลโดยสรุป

Windows คือระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ ซึ่งถูกสร้างขึ้นโดย Microsoft ซึ่งเครื่องคอมพิวเตอร์ก็จะต้องมีการติดตั้ง Windows ก่อน จึงจะสามารถใช้งานโปรแกรมอื่น ๆ ได้ โดยสามารถซื้อ Windows ลิขสิทธิ์แท้ราคาถูกได้จากตัวแทนจำหน่ายของ Microsoft

บทความที่เกี่ยวข้อง

หากใช้งาน Email Server อยู่จะย้ายผู้ให้บริการได้อย่างไร ?

Email Server คืออะไร ?

Email ที่รับเข้าและส่งออกใช้งานในการสื่อสารภายในองค์กรรวมไปถึงการติดต่อสื่อสารภายนอกองค์กรด้วยเช่นกันโดยส่ง Email นั้นจะมีค่า Incoming และ Outgoing ในการตั้งค่า โดยขั้นตอนทำอีเมลบริษัท จะสามารถตั้งค่าได้ดังนี้

  • Incoming (POP): pop.domainname.com/.co.th
    Port :110  Not SSL
  • Incoming (Imap): imap.domainname.com/.co.th
    port : 143  Not SSL
  • Outgoing : smtp.domainname.com/.co.th
    port : 587  Not SSL

Email Server มีหน้าที่ทำงานเป็นตัวคอยรับส่งและเก็บข้อมูล ของอีเมลพนักงานทุกฉบับไว้ในเครื่องซึ่งถือว่า Mail Server มีการทำงานอย่างหนักอยู่ตลอดเวลาหากต้องการย้าย Mail Server ต้องเลือกผู้ให้บริการที่ดีที่สุด

 

Email Server มีบทบาทอย่างไรต่อองค์กร

Email Server ถือว่าเป็นช่องทางการติดต่อสื่อสารระหว่างธุรกิจอย่างมากเช่นการสั่งซื้อ การยืนยันการสั่งซื้อ รวมไปถึงการแจ้งชำระค่าบริการต่างๆในนามบริษัทซึ่งต้องระวังเรื่องการ Hack ของผู้ไม่หวังดีในการแอบอ้างว่าเป็นผู้ใช้งานในองค์กรหรือแอบอ้างว่าเป็นผู้ติดต่อการซื้อขายและมีการเปลี่ยนเลขที่บัญชีในการโอนเงิน ถือว่าเป็นภัยต่อองค์กรอย่างมาก Email Server ที่ปลอดภัยต่อองค์กรจะขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้งานของ User ร่วมด้วยเช่นผู้ใช้งานหมั่น Scan ไวรัสและเปลี่ยน Password อย่างสม่ำเสมอ และตรวจสอบไฟล์แนบที่ไม่ปลอดภัยก่อนทำการเปิดไฟล์แนบ

 

ขั้นตอนการย้าย Email Server ทำอย่างไร ?

  • Backup ข้อมูลทุก User ก่อนทำการย้าย Mail Server
  • ตรวจสอบค่า DNS เดิมว่ามีค่าใดที่ต้องการ Point ใน NS ใหม่หรือไม่ (กรณีที่ต้องการเปลี่ยนค่า NS)
  • กำหนดรายชื่อ Email ให้ผู้บริการ Email Server ใหม่
  • กำหนดวันและเวลาในการเปลี่ยน Email Server
  • เปลี่ยนค่าใน DNS เช่นเปลี่ยน MX,Cname,TXT หรือเปลี่ยน NS ใหม่

 

การย้าย Email Server กระทบต่อกลุ่มใดมากที่สุด ?

การย้าย Email Server กระทบต่อผู้ใช้งาน หรือ User มากที่สุดเพราะการเปลี่ยนค่า DNS นั้นจะทำให้ระบบ Email ไม่สามารถใช้งานได้ทันที ซึ่งถือว่าการกำหนดวันและเวลาในการเปลี่ยนค่าระบบ Email หรือ DNS นั้นสำคัญอย่างมากเพราะการรอค่า DNS Update ขึ้นอยู่กับ Internet ของผู้ใช้งานโดยปกติทั่วไปจะใช้ระยะเวลาในการ Update DNS ประมาณ 3-5 ชั่วโมง โดยทางผู้ให้บริการจะย้ำลูกค้าเสมอในการย้ายระบบ Email Server นั้นต้องย้ายในช่วงระยะเวลาที่มีผู้ใช้งานน้อยที่สุดเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งาน

 

คำถามที่เกี่ยวข้อง

วิธีการย้ายโดเมน .com และ .co.th

วิธีการย้ายโดเมน .com สามารถดำเนินการได้เลยโดยไม่ต้องมีเอกสารใด ๆ แต่ลูกค้าต้องประสานงานกับผู้ให้บริการรายเก่าเพื่อขอข้อมูลในการย้ายโดเมน .com ดังนี้

  • Auz code ของโดเมน
  • เปลี่ยนสถานะโดเมน เป็น active/OK
  • โดเมนต้องไม่หมดอายุ
  • ให้ registrant email กด Approve เมื่อดำเนินการย้ายโดเมนแล้ว

วิธีการย้ายโดเมน .co.th จะต้องใช้เอกสารในการย้าย ผู้ให้บริการดูแลโดเมนรายใหม่ จะส่งเอกสารให้ลูกค้ากรอกและประทับตาบริษัท และส่งให้บริการจะดำเนินการย้ายโดเมนให้ดังนี้

  • ผู้ให้บริการจะส่งเอกสารที่ประทับตาบริษัทให้ทาง THnic ผู้รับจดโดเมน .co.th ทั่วประเทศ
  • ทาง THnic จะดำเนินการโดเมนตามเอกสารแจ้งเข้าระบบผู้ให้บริการใหม่
  • จากนั้นผู้ให้บริการกดรับโดเมนตามเอกสาร ถือว่าเป็นการย้ายโดเมน .co.th เสร็จสมบรูณ์

 

ความกังวลด้านการตั้งค่า DNS ในการย้าย Email Server

เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่กังวลเรื่องการตั้งค่า DNS อย่างมากเพราะหากมีการตั้งค่าผิดพลาดไปจะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งานทันทีโดยผู้ให้บริการส่วนใหญ่จะแนะนำให้ลูกค้าส่งหน้าจัดการDomain มาให้ผู้บริการเปลี่ยนค่าให้แทนโดยค่าที่เปลี่ยนระบบ Email Server นั้นจะมี 3 ค่า คือ MX,Cname,TXT การเปลี่ยนค่าดังกล่าวนี้ต้องตรวจสอบว่าลูกค้ามีการใช้งาน Website หรือไม่ หากมีการใช้งานให้เปลี่ยนค่าดังกล่าวได้เลย แต่หากไม่มีการใช้งานทางผู้ให้บริการจะแนะนำให้ลูกค้าเปลี่ยนเป็นค่า NS ซึ่งจะทำให้การจัดการด้าน DNS ง่ายต่อผู้ให้บริการและป้องกันกันล่มของระบบ Email ด้วย เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ที่เปลี่ยนค่า MX,Cname,TXT หากมีการเปลี่ยนค่า NS ไปแต่ไม่ได้นำค่าระบบ Email ไป point ใน NS ใหม่จะทำให้ระบบ Email ล่มซึ่งต้องรอ DNS Update 1-3 ชม.ทำให้การติดต่อสื่อสารขาดหายไปในการดำเนินธุรกิจส่งผลกระทบอย่างมาก

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

อีเมลบริษัทต่างจากฟรีอีเมล์อย่างไร ?

อีเมลบริษัทคืออะไร ?

อีเมลบริษัทคือ Email ที่จดโดเมนเป็นของบริษัทเช่น Email AAA@company.com โดยหากต้องการใช้งานอีเมลบริษัทนั้นจะต้องซื้อบริการจากบริษัทที่รับทำอีเมลบริษัท ซึ่งจะมีผู้ให้บริการจำนวนมากในประเทศไทยโดยการจดโดเมนเป็น @ บริษัทนั้นผู้ใช้งานสามารถเลือกจดโดเมนได้หลากหลายเช่น .com .co.th หรือ .net เป็นต้นโดยขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้งานโดยส่วนใหญ่ในการติดต่อในนามธุรกิจจะใช้งาน อีเมลบริษัทเป็นการติดต่อ หรือหากเป็นองค์กรขนาดใหญ่การติดต่อภายในองค์กรจะใช้ อีเมลบริษัทในการติดต่อซึ่งจะง่ายในการตรวจสอบเป็นอย่างมากและสามารถควบคุมการทำงานภายในองค์กรได้ง่ายมากขึ้นเพราะ อีเมลบริษัทจะสามารถตรวจสอบการทำงานเช่น การ login log การรับเข้า-ส่งออกได้ จึงทำให้อีเมลบริษัทเป็นที่นิยม ซึ่งขั้นตอนทำอีเมลบริษัทก็ไม่ยุ่งยากเลย

ฟรีอีเมลคืออะไร ?

ฟรีอีเมลคือ Email ที่ผู้ใช้งานสามารถสมัครได้ด้วยตนเองผ่าน website ผู้ให้บริการโดยฟรีอีเมล์ที่นิยมกันส่วนใหญ่คือ Gmail, Hotmail หรือ Yahoo โดย Email เหล่านี้จะเป็น Email ส่วนตัวของผู้ใช้งานหรือที่ผู้ให้บริการระบบ Email จะนิยมเรียกว่าฟรีอีเมลเพราะการสมัคร Email ดังกล่าวจะสมัครได้ฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายซึ่งไม่ได้กำหนดว่า 1 คนจะมีฟรีอีเมลกี่ Account ซึ่งถือว่าเป็นช่องโหว่ให้สำหรับ Hacker ที่สมัครฟรีอีเมลและปลอมแปลงส่ง Email แอบอ้างซึ่งระบาดต่อผู้ใช้งานระบบ Email เป็นอย่างมาก

 

เทคโนโลยีแลนด์

อีเมลบริษัทต่างจากฟรีอีเมลอย่างไร ?

อีเมล์บริษัทจะเป็นการติดต่อสื่อสารกันในนามบริษัทจะถือว่าดูเป็นทางการและมืออาชีพมากกว่ารวมไปถึงการตรวจสอบภายในองค์กรจะง่ายต่อการตรวจสอบด้วยซึ่งจะทำให้ผู้ใช้งานนั้นนิยมใช้งานอีเมลบริษัทมากกว่าฟรี Email โดยการใช้อีเมลบริษัทในการติดต่อสื่อสารนั้นยังป้องกันการปลอมแปลงจากบุคคลภายนอกที่ไม่หวังดีแอบอ้างว่าเป็นผู้ใช้งานติดต่อเข้ามาเพื่อสร้างความสับสนให้กับผู้รับทำให้เป็นช่องโหว่ในการติดต่อสื่อสารกันได้

อีเมลบริษัททำงานอย่างไร ?

 

จากภาพการทำงาน Email ขาเข้าหากผู้ส่งทำการส่ง Email เข้ามาจะผ่านตัวกรองขาเข้าเพื่อตรวจสอบเนื้อหาหรือไฟล์แนบว่าเข้าข่ายเป็น Spam หรือมีมัลแวร์แอบแฝงมาหรือไม่หากไม่มี Email ฉบับนั้นจะทำการส่งต่อไปที่ Email Server เพื่อตรวจสอบว่าชื่อ Email ผู้รับอยู่ที่ server ใดและทำการส่งต่อ Email ฉบับดังกล่าวไปยัง Email ผู้รับใน Inbox

จากภาพการทำงานขาออกผู้ส่งจะทำการส่ง Email ออกจากเครื่องจากนั้น Email จะถูกส่งต่อมาที่ Email Server และส่งต่อมายัง Spamfilter เพื่อกรองจดหมายว่ามีไฟล์แนบและเนื้อหาที่เป็น Spam หรือไม่หลังจากนั้นตัวกรองจะใช้ IP ส่ง Email ออกไปหาผู้รับในขั้นตอนต่อไป

ผู้ให้บริการอีเมลบริษัทมีอะไรบ้าง ?

ในการเลือกใช้บริการอีเมล (Email) ของบริษัทนั้น จำเป็นต้องเลือกใช้บริการจากบริษัทที่น่าเชื่อถือ มีความมั่นคง และสามารถให้คำปรึกษากับคุณในเรื่องต่างๆได้เป็นอย่างดี ซึ่งบริษัทที่จะขอแนะนำมีดังต่อไปนี้

บทความที่เกี่ยวข้อง

ทำอีเมลบริษัทเลือกใช้งาน Google Workspace หรือ Microsoft 365 ดี ?

สำหรับท่านที่กำลังจะทำอีเมลบริษัทแต่ไม่รู้ว่าจะเลือกใช้งานเป็นระบบไหนดีระหว่าง Google Workspace หรือ Microsoft 365 บทความนี้มีแนะนำ

Google Workspace คืออะไร ?

Google Workspace คือระบบการทำงานของ Google ซึ่งใช้งานผ่านหน้า Gmail โดยมีฟังก์ชั่นการทำงานต่างกันออกไปตาม Package ที่ผู้ใช้งานเลือกซื้อให้ตรงกับการใช้งานในบริษัท เช่น Google DocGoogle SheetGoogle Slides เป็นต้น โดยราคาเริ่มต้นของ Google Workspace คือ 2,650 บาท / User / ปี (อ้างอิงจากเทคโนโลยีแลนด์)

Microsoft 365 คืออะไร ?

Microsoft 365 คือ ระบบอีเมลจากค่าย Microsoft โดยมาพร้อมกับ Software ที่ช่วยทำให้การทำงานในบริษัทนั้นง่ายขึ้น เช่น Microsoft Teams (สำหรับประชุม Online), OneDrive (Share File ในองค์กร), WordExcelPower Point เป็นต้น โดยราคาเริ่มต้นของ Microsoft 365 คือ 980 บาท / User / ปี (อ้างอิงจากเทคโนโลยีแลนด์) สำหรับ Plan No Team

เลือกใช้งาน Microsoft 365 หรือ Google Workspace ดี ?

การเลือกใช้งาน Microsoft 365 หรือ Google Workspace ควรเลือกที่ตอบโจทย์ที่บริษัทต้องการมากที่สุด เพราะจะได้ใช้งานได้อย่างคุ้มค่า เช่น เรื่องค่าใช้จ่าย เรื่องฟังชั่นเสริม หรือเรื่องพื้นที่อีเมล

สามารถใช้งาน Google Workspace หรือ Microsoft 365 ราคาถูกได้ไหม ?

จะเห็นได้ว่าราคาของ Google Workspace นั้นค่อนข้างสูง และราคาปัจจุบันของ Microsoft 365 นั้นที่ขายในประเทศไทยเป็นราคาโปรโมชั่นหรือลด 50% หากต้องการใช้งาน Google Workspace ราคาถูก หรือ Microsoft 365 ราคาถูก  ทางเราขอแนะนำให้ใช้งานแบบ Hybird โดยท่านสามารถติดต่อสอบถามกับทางเทคโนโลยีแลนด์ได้เลย เพราะการใช้งานแบบ Hybird สามารถทำให้บริษัทของท่าน ประหยัดค่าใช้จ่ายได้ถึง 60-80 %

ข้อมูลโดยสรุป

การเลือกใช้งาน Microsoft 365 หรือ Google Workspace ควรเลือกที่ตอบโจทย์ที่บริษัทต้องการมากที่สุด เพราะจะได้ใช้งานได้อย่างคุ้มค่า เช่น เรื่องค่าใช้จ่าย เรื่องฟังชั่นเสริม หรือเรื่องพื้นที่อีเมล

บทความที่เกี่ยวข้อง

Google Workspace ราคาประหยัด !

Google Workspace คือหนึ่งในระบบอีเมลบริษัทที่ได้รับความนิยมมาก เพราะว่าการใช้งานนั้นเหมือนกับการใช้งาน Gmail และยังมีฟังชั่นอื่น ๆ มาให้ใช้งานอีกด้วย เช่น Docs , Meet และ Sheet เป็นต้น แต่การที่มีอย่างอื่นมาให้ใช้งานก็ย่อมมากับค่าใช้จ่ายที่สูงเช่นเดียวกัน ทางเราจะมาบอกขั้นตอนทำอีเมลบริษัทระบบ Google Workspace ราคาถูกกัน

Google Workspace คืออะไร ?

Google Workspace คือระบบอีเมลบริษัทที่ให้บริการโดย Google เป็นระบบอีเมลที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะไม่ได้มีให้บริการเพียงระบบอีเมลเพียงอย่างเดียว แต่มาพร้อมกับฟังชั่นอื่น ๆ ด้วย เช่น Docs , Drive , Sheet และ Meet เป็นต้น ซึ่ง Google Workspace ยังมีหลากหลาย Packet ให้เลือกใช้บริการโดย Packet ที่ได้รับความนิยมมีดังนี้

  • Google Workspace Business Starter ราคา 2,650 บาท / User / ปี
  • Google Workspace Business Standard ราคา 5,600 บาท / User / ปี
  • Google Workspace Business Plus ราคา 9,500 บาท / User / ปี

*ราคาข้างต้นอ้างอิงมาจากเทคโนโลยีแลนด์ที่เป็น Partner กับ Google ซึ่งเป็นราคา ณ วันที่ 28/05/2024

จะทำ Google Workspace ราคาถูกได้อย่างไร ?

การจะทำ Google Workspace ราคาถูกได้ต้องเป็นการใช้งานแบบ Hybird โดยปกติแล้ว 1 Domain นั้นจะสามารถใช้งานระบบอีเมลได้เพียงระบบเดียวเท่านั้น แต่จากการตรวจสอบของทางเรานั้นพบว่า ทางเทคโนโลยีแลนด์นั้นสามารถทำ Hybird ได้ โดยการใช้งานระบบอีเมล Google Workspace กับ Gocloud ของทางเทคโนโลยีแลนด์ ซึ่งจะทำให้ท่านสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้ถึง 60% – 80% ตัวอย่าง ถ้าท่านใช้งาน Google Workspace Business Starter จำนวน 100 User ค่าใช้จ่าย 2,650 x 100 = 265,000 บาท แต่ถ้าท่านทำ Hybird โดยการใช้งาน Google Workspace Business Starter จำนวน 30 User ค่าใช้จ่าย 2,650 x 10 = 79,500 บาท และใช้งาน Email Gocloud 3 GB จำนวน 70 User ค่าใช้จ่าย 300 x 70 = 21,000 บาท ค่าใช้จ่ายสุทธิ 79,500 + 21,000 = 100,500 บาท ทำให้ท่านประหยัดค่าใช้จ่ายได้ถึง 164,500 บาท กันเลยทีเดียว

ข้อมูลโดยสรุป

Google Workspace คือหนึ่งในระบบอีเมลบริษัทที่ได้รับความนิยมมาก เพราะว่าการใช้งานนั้นเหมือนกับการใช้งาน Gmail และยังมีฟังชั่นอื่น ๆ แต่การที่มีอย่างอื่นมาให้ใช้งานก็ย่อมมากับค่าใช้จ่ายที่สูงเช่นเดียวกัน ซึ่งการจะทำ Google Workspace ราคาถูกได้ต้องเป็นการใช้งานแบบ Hybird

บทความที่เกี่ยวข้อง

ขั้นตอนสร้างอีเมลบริษัทแบบง่าย !

ท่านที่เริ่มทำบริษัท แต่ยังใช้งานอีเมลในการติดต่องานเป็นฟรีอีเมลอยู่ เช่น @gmail หรือ @hotmail ซึ่งการใช้งานฟรีอีเมลนั้นอาจดูไม่ค่อยมีความน่าเชื่อถือสักเท่าไร จึงต้องการใช้งานอีเมลบริษัท แต่ไม่รู้ต้องเริ่มอย่างไร บทความนี้จะมาบอกถึงการสร้างอีเมลบริษัทโดยขั้นตอนสร้างอีเมลบริษัทง่าย ๆ ดังนี้

ขั้นตอนสร้างอีเมลบริษัท

1. ต้องตรวจสอบความต้องการของบริษัทตนเอง

บริษัทขนาดเล็กส่วนใหญ่ต้องการเพียงสร้างอีเมล @company.com เท่านั้น แต่บริษัทที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมักมีความต้องการที่มากขึ้น เช่น การ Share Drive ภายในบริษัท การใช้งานโปรแกรมอื่นในบริษัท หรือ จะเป็นการประชุมออนไลน์ในบริษัทเป็นต้น ซึ่งเราต้องเรียนรู้พฤติกรรมและพื้นฐานด้าน IT ของพนักงานตนเอง เนื่องจากหากท่านใช้งานระบบอีเมลที่มี Function มากมายแต่พนักงานไม่สามารถใช้งานได้ เราอาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายไปโดยไม่จำเป็นและอาจจะเพิ่มความยากต่อการใช้งานของระบบมากขึ้นด้วย

2. ต้องกำหนดงบประมาณ

ผู้ใช้งานควรกำหนดงบประมาณที่สามารถจ่ายไหว เพราะการใช้งานอีเมลบริษัทนั้นเป็นค่าใช้จ่ายต่อเนื่องรายปี ต้องมั่นใจว่าบริษัทสามารถจ่ายค่าใช้จ่ายนี้ได้ทุกปี เพราะการปรับเปลี่ยนในภายหลังอาจจะสร้างความยุ่งยากต่อการใช้งาน

3. ต้องคิดชื่อโดเมนที่ต้องการใช้งาน

โดยส่วนใหญ่แล้วบริษัทที่พึ่งเริ่มใช้งานอีเมลบริษัทมักจะยังไม่ได้จดโดเมนโดยทางเราขอแนะนำเทคนิคการคิดชื่อโดเมนที่ต้องการนำไปใช้งานดังนี้

  • สั้นและจดจำง่าย
  • หากจำเป็นต้องใช้ชื่อยาว ๆ ควรเป็นคำที่มีความหมาย และผู้คนทั่วไปสามารถสะกดได้ง่าย เช่น thailand ก็ควรใช้คำว่า thailand ไปเลยหรือ thai เป็นต้น เพราะเป็นคำทั่วไปที่สะกดได้ง่าย
  • ไม่ควรมีเครื่อหมาย – (ขีดกลาง) ถึงแม้ว่าจะใช้ได้เพราะอาจจะทำให้ผู้ต้องการเข้าเว็บสะกดผิดเป็น _ (ขีดล่าง) และพิมพ์ชื่ออีเมลผิดได้

4. ต้องคิดชื่อ User ที่ต้องการใช้งาน

สำหรับการตั้งชื่ออีเมลนั้น สามารถตั้งตามความต้องการได้เลย แต่สำหรับท่านใดที่ยังคิดไม่ออก ทางเรามีตัวอย่างแนะนำดังนี้ บางบริษัทอาจจะตั้งชื่ออีเมลเป็นชื่อกลางแผนก เช่น sale@company.com, account@company.com หรือ อาจจะตั้งชื่อเป็นชื่อพนักงาน เช่น somchai.y@company.com ซึ่งท่านต้องส่งรายชื่อเหล่านั้นไปยังผู้ให้บริการเพื่อสร้างระบบรองรับไว้

5. ต้องเลือกระบบอีเมลบริษัทที่ต้องการใช้งาน

ปัจจุบันมีผู้ให้บริการอีเมลบริษัทจำนวนมากโดยท่านควรเลือกจากงบประมาณ และความน่าเชื่อถือของผู้ให้บริการ ซึ่งปัจจุบันมีผู้ให้บริการอีเมลบริษัทที่เป็นที่นิยมดังนี้

6. การเลือกผู้ให้บริการอีเมล

สำหรับการเลือกผู้ให้บริการนั้น บริษัทควรเลือกผู้ให้บริการที่มีความน่าเชื่อถือ และมีประสบการณ์ เพราะการเลือกผู้ให้บริการนั้นจะส่งผลต่อบริการหลังการขาย หรือ เวลาที่ท่านพบปัญหา

เทคโนโลยีแลนด์
บริษัท เทคโนโลยีแลนด์ จำกัด ผู้ให้บริการอีเมลบริษัท

ปัญหาที่จะพบในการใช้งานอีเมลบริษัท

หลายคนคงคิดว่าหลังจากใช้งานอีเมลบริษัทแล้วก็จะสามารถใช้งานได้อย่างราบรื่น ตราบใดที่ได้ทำการชำระค่าบริการให้แก่ผู้ให้บริการ แต่ที่จริงแล้วอย่าลืมว่าอีเมลบริษัทนั้นถูกใช้งานโดยพนักงานที่มี Skill IT ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ตั้งแต่พนักงานบางท่านอาจจะมีความสามารถทาง IT ไม่ค่อยมากนัก ไปจนถึงพนักงานที่สามารถใช้งาน IT ได้อย่างคล่องแคล่ว และไม่มีทางที่พนักงานทั้งหมดจะใช้งานได้อย่างราบรื่นตลอดเวลา ซึ่งไม่ว่าระบบจะมีประสิทธิภาพมากเพียงใดหากเกิดปัญหาการใช้งาน ไม่ว่าจะเกิดการตั้งค่าผิดพลาดของพนักงานเอง หรือ จากระบบ ท่านต้องสามารถติดต่อผู้ให้บริการ และต้องได้รับคำแนะนำในการแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้

ข้อมูลโดยสรุป

อีเมลบริษัทเป็นระบบที่สำคัญยิ่งในการสื่อสารสำหรับบริษัท ในยุคปัจจุบัน ถึงแม้ว่าในการเริ่มใช้งานช่วงแรก ๆ อาจจะไม่ค่อยมีความสำคัญมากนักแต่เมื่อใช้งานไประยะหนึ่งจะทราบว่าลูกค้า และผู้ติดต่อทั้งหมดจะทำการติดต่อมายังอีเมลบริษัท ดังนั้นควรเลือกผู้ให้บริการและระบบที่มีคุณภาพและบริการหลังการขายที่เชื่อถือได้ ซึ่งสามารถทำตามขั้นตอนสร้างอีเมลบริษัทง่าย ๆ ด้านบนได้เลย

บทความที่เกี่ยวข้อง

Microsoft 365 คืออะไร ?

Microsoft 365 คืออะไร ?

Microsoft 365 คือระบบ Email องค์กรของระบบ Microsoft ซึ่งจะมี Package ที่แตกต่างกันออกไปซึ่งเป็นที่นิยมต่อการใช้งานระบบ Email บริษัทเพราะระบบ Microsoft 365 นั้นมีฟังก์ชั่นการใช้ Microsoft office ให้บริการด้วยซึ่งถือว่าเป็นโปรแกรมที่ต้องใช้งานกันเป็นประจำอยู่แล้วจึงเป็นที่นิยมสำหรับผู้บริหารที่มองหาระบบ Email องค์กรเพื่อใช้งานเป็นระบบ Email สำหรับติดต่อสื่อสารในนามบริษัทโดยขั้นตอนทำอีเมลบริษัทระบบ Microsoft 365 แต่ละ Packge นั้นจะมีรายละเอียดเบื้องต้นดังนี้

ทำไมต้องใช้งานระบบ Microsoft 365 ?

เนื่องจากระบบ Microsoft 365 เป็นระบบที่ผู้คนคุ้นเคยกับหน้าตาของ microsoft office แล้วยังสามารถใช้งานผ่านระบบ online ได้ด้วยซึ่งถือว่าสะดวกต่อการใช้งานและการติดต่อเพื่อรองรับการทำงานแบบระบบองค์กรเป็นอย่างมากและที่มากไปกว่านั้นระบบ Microsoft 365 นั้นยังได้พื้นที่สำหรับ One Drive 1 TB/Account เลยทีเดียวซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่เยอะมากสำหรับเก็บข้อมูลบนระบบ Cloud ส่วนระบบ Email แต่ละ User จะได้พื้นที่ 50 GB/Account ทั้งระบบ Basic และ standard ซึ่งจะหมดปัญหา Email เต็มเร็วต่อผู้ใช้งานที่ต้องมาคอยนั่งลบ Email ออกจากระบบเพราะบางฉบับก็ไม่สามารถลบได้เนื่องจากเป็น Email องค์กรที่ติดต่อสำคัญ

ค่าใช้จ่ายในการใช้งานระบบ Microsoft 365

เนื่องจากระบบ Microsoft 365 จะมีหลาย Package สำหรับระบบ Email องค์กรผู้เขียนขอแนะนำ 2  Package ดังนี้

  • ระบบ Basic ราคา 1170 บาท/U/Y
  • ระบบ Standard ราคา 3950 บาท/U/Y

ราคาข้างต้นอ้างอิงจาก technologyland

เป้าหมายสูงสุดของระบบ Microsoft 365 คืออะไร ?

เป้าหมายสูงสุดของระบบ Microsoft 365 เพื่อลดค่าใช้จ่ายสำหรับองค์กรกรณีที่ต้องซื้อ licenes สำหรับ Office หรือการซื้อพื้นที่เพิ่มสำหรับ User ซึ่งระบบ Microsoft 365 ตอบโจทย์เป็นอย่างมากเพราะได้ Office ทั้ง online และแบบติดตั้งลงเครื่องของผู้ใช้งานและมากไปกว่านั้นคือพื้นที่ของ email จะได้พื้นที่มากถึง 50 GB ช่วยป้องกัน Email เต็มได้ดีเหมาะสำหรับองค์กรที่เก็บข้อมูลไว้บนระบบ Cloud

เราจะประหยัดค่าใช้จ่าย Microsoft 365 ได้อย่างไร ?

ระบบ Microsoft 365 Hybrid คือ ระบบ Email ที่ใช้งาน MS365 ร่วมกับระบบ Email อื่นๆ ซึ่งจะทำให้การใช้งาน Email Hosting บน Office365 ราคาถูกลงกว่า 80% โดยท่านสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก ระบบ Office 365 ราคาถูกด้วยเทคนิค Hybrid

บทความที่เกี่ยวข้อง

port ที่นิยมในการใช้งาน mail server

HTTPS คืออะไรทำไมต้องใช้ ?

ถ้าโดเมนหมดอายุแต่จะย้ายผู้ดูแลโดเมนสามารถย้ายได้ไหม

Google Workspace ราคาเท่าไร

Google Workspace 2 ระบบเหมาะกับใคร

Workspace 2 ระบบหรือระบบ Email Server ที่ใช้งาน 2 ระบบภายในโดเมนเดียวกันโดยจะมีระบบ Google Workspace และระบบ Cloud Email Server ภายใต้โดเมนเดียวกันผู้ใช้งานสามารถกำหนดให้ account ใดอยู่ในระบบ Workspace หรืออยู่ในระบบ Cloud Email Server ซึ่งทั้ง 2 ระบบนี้จะใช้หน้าจัดการแยกจากกันรวงมถึงการเข้าใช้งานผ่าน Webmail ระบบ Google Workspace จะใช้งานผ่าน Gmail.com ส่วนระบบ Cloud Email Server จะใช้งานผ่าน Webmail ที่ทางบริษัทกำหนด ซึ่งขั้นตอนทำอีเมลบริษัท Workspace 2 ระบบนั้นไม่ได้ยุ่งยาก

ใครเหมาะสมที่จะใช้ระบบ Workspace 2 ระบบ

ระบบ Google Workspace 2  ระบบ เป็นระบบที่เหมาะสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ ที่มีผู้ใช้งานค่อยข้างเยอะแต่อยากใช้งานทั้ง 2 ระบบภายในโดเมนเดียวกันเช่นแบ่งให้ผู้บริหารใช้งาน Google Workspace และพนักงงานทั่วไปที่ใช้งานพื้นที่ไม่มากใช้งานระบบ Cloud Email Server การใช้งาน2 ระบบนี้ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายภายในองค์กรต่อปีได้มากเลยทีเดียว และยิ่ง Google Workspace ประกาศขึ้นราคาปี 2567 ก็จะยิ่งทำให้การใช้งาน 2 ระบบนั้น ประหยัดยิ่งขึ้นไปอีก โดยท่านสามารถสอบถามการทำ 2 ระบบกับทาง technologyland ได้เลย

เป้าหมายสูงสุดของ Workspace 2 ระบบ คืออะไร

เป้าหมายสูงสุดของระบบ Google Workspace 2  ระบบ คือการประหยัดค่าใช้จ่ายในองค์กร รวมไปถึงการได้ใช้ระบบ Email ที่ดีและมีความปลอดภัยด้านการจัดเก็บข้อมูลรวมไปถึงประสิทธิภาพของระบบ email ซึ่งรองรับการใช้งานของ user ทั้งระบบ Google Workspace และระบบ Cloud Email Server ซึ่งทั้ง 2 ระบบมีหน้า admin คอยตรวจสอบและแก้ไขปัญหาเบื้องต้นได้อย่างทันที

สรุป

ระบบ Google Workspace 2  ระบบ เป็นระบบที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อลดค่าใช้จ่ายในองค์ให้มีค่าใช้จ่ายลดลงแต่ยังคงประสิทธิภาพในการใช้งานระบบ Google Workspace ไว้โดยทีคัดเลือก user ที่มีการใช้งานพื้นที่หรือการรับส่งข้อมูลน้อยมาใช้งานระบบ Cloud Email Server ซึ่งทั้ง 2 ระบบสามารถตรวจสอบการใช้งานของ User ได้ และมีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบ Email Support ด้านปัญหาการใช้งานหรือการตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกสามารถแจ้งทางบริษัทที่เป็น Reseller  ได้เลย

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

Google Workspace 2 ระบบคืออะไร

ทำไมจึงต้องใช้งาน Google Workspace 2 ระบบ

พื้นที่ (Disk Space) ในการใช้งาน Email Server จำเป็นมากแค่ไหน ?

Google Workspace 2 ระบบ เหมาะกับผู้ใช้งานแบบใดมากที่สุด

Google Workspace ราคาเท่าไร

Google Workspace คืออะไร ?

Google Workspace เป็นระบบ Email องค์กรของระบบ Google โดยใช้งานผ่าน gmail.com ซึ่งผู้ใช้งานนั้นจะใช้งานในฟีเจอร์ต่างๆเช่น Admin Consoln,Drive,Gmail,Sheet,Doce และ อื่นๆโดยที่ Workspace นั้นจะได้พื้นที่มากกว่าระบบ Gmail ปกติทั่วไปซึ่งจะได้พื้นที่ 30 GB/account ฟังก์ชั่นในตัวเริ่มต้นสำหรับ Google Workspace โดยขั้นตอนทำอีเมลบริษัทระบบ Google Workspace นั้นไม่ยาก

Google Workspace ราคาเท่าไร ?

เนื่องจากระบบ Google Workspace สำหรับ อีเมลองค์กร นั้นมีให้บริการอยู่ 2 แบบดังนี้

  • Business Starter ราคา 1245/U/Y (สำหรับลูกค้าใหม่ที่ยังไม่เคยใช้งานมาก่อนและเป็นราคาสำหรับปีแรกเท่านั้น) และราคา 2450 (สำหรับย้าย reseller)
  • Business Standard ราคา 4800/U/Y

ราคาอ้างอิงจาก technologyland แต่ทาง Google Workspace ประกาศขึ้นราคาปี 2567  ซึ่งต้องติดตามกันอีกทีว่าราคาจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร ?

ผู้ใช้งานแบบไหนถึงเหมาะกับการใช้งาน Google Workspace

เนื่องจาก Google Workspace แตกต่างจากระบบ Email ทั่วไปเพราะมีพื้นที่มี่มากกว่า สำหรับPackage Starter เป็นตัวเริ่มต้น ได้พื้นที่ 30 GB/Acc และยังมีฟีเจอร์ต่างๆเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้งานรวมไปถึงหน้าจัดการ User ที่ผู้ดูแลระบบสามารถเข้าไป Manage User ได้เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการใช้งานพื้นที่ Email เยอะกว่าปกติและความปลอดภัยขั้นสูงสุดของระบบ Google Workspace

เป้าหมายสูงสุดของระบบ Google Workspace คืออะไร

เป้าหมายสูงสุดของระบบ Googlwe Workspace คือผู้ใช้งานที่ใช้งานระบบ @Gmail.com ปกติทั่วได้ใช้ระบบ Email องค์กร @Company ที่ดีและมีความปลอดภัยด้านการจัดเก็บข้อมูลรวมไปถึงประสิทธิภาพของระบบ Email ซึ่งรองรับการใช้งานของ User ของระบบ Google Workspace รวมไปถึงฟังก์ชั่นอื่นๆของระบบ Google Workspace ที่จัดทำขึ้นมาเพื่อตอบสนองความสะดวกสบายในการจัดทำเองการและเก็บข้อมูลบนระบบ Cloud Email Server ที่ได้รับความปลอดภัยระดับโลก

บทความที่เกี่ยวข้อง

Google Workspace 2 ระบบเหมาะกับใคร

ปัญหา Bandwidth ที่ส่งผลต่อการใช้งานของ Mail Server

ตั้งและเปลี่ยนเสียงแจ้งเตือนเมื่อได้รับ Email บน iOS และ iPhone อย่างไร ?

เมื่อติด IP ของ DNS ติด Blacklist จะมีผลต่อการส่งอีเมล์หรือไม่ ?

จะเกิดผลเสียอย่างไรหาก Mail Server ไม่มีการเก็บ Log