Data Center ของ Mail Server นั้นมีผลต่อความเร็วในการใช้งาน Mail Server แค่ไหน

Data Center คืออะไร ?

Data Center คือ สถานที่ไว้ Mail Server ซึ่ง Mail Server ก็เหมือนคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งที่อาจจะมีประาสิทธิภาพหรือคงทนมากกว่าคอมพิวเตอร์ตามบ้านแต่โดยรวมนั้นก็คือคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งเท่านั้น ที่ต้องวางไว้ในสถานที่ที่มีอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงและมีเสถียรภาพมากกว่าปกติ เช่น มีการควบคุมอุณหภูมิ ไม่ให้เครื่องดับ ซึ่งสถานเหล่านี้มีชื่อเรียกว่า Data Center  ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ในทุกประเทศทั่วโลก

Mail Server ควรตั้งไว้ในประเทศใดดี ?

เราปฏิเสธไม่ได้ว่าการที่ Data Center ตั้งไว้ในสถานที่ที่ User ใช้งานยิ่งใกล้ยิ่งเร็ว แต่ในความจริงแล้วการตั้งไว้ในทวีปเดียวกันก็เพียงพอกับความเร็วแล้ว เพราะความเร็วเหล่านี้แทบจะไม่รู้สึกหากมิได้ทดสอบด้วยกระบวนการทางเทคนิค เช่น Ping, Telnet  และ Speed Test  เป็นต้น แต่หากอยู่คนละทวีปอาจจะมีผลต่อการใช้งานหาก ISP (ผู้ให้บริการ Internet) มีปัญหาการเชื่อมต่อระหว่างประเทศ แต่โดยทั่วไปมักไม่ค่อยมีปัญหาในการเชื่อมโยงไปยังทวีปเดียวกันนัก

Mail Server ควรตั้งอยู่ในประเทศที่เป็น Hub ของ Connection ของแต่ละทวีป เพราะในความจริงแล้ว Mail Server มิได้ต้องการความเร็วในการเชื่อมต่อมายัง User เท่านั้น แต่ยังต้องติดต่อไปยัง Server ทั่วโลก ดังนั้นหากตั้งในประเทศที่เป็น Hub ของแต่ละทวีปจะทำให้การสื่อสารนั้นเร็วและเกิดความเสถียรภาพ

หาก Mail Server มีปัญหาด้านการเชื่อมต่อ ?

ยกตัวอย่าง เช่น หาก Mail Server ตั้งอยู่ในประเทศไทยแต่ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง Data Center นั้นๆอาจจะมีปัญหาการเชื่อมต่อไปยังต่างประเทศ (International Bandwidth) เต็ม แต่การเชื่อมต่อในประเทศยังนิ่งเสถียรอยู่ ผู้ใช้งาน (User) จะสามารถเชื่อมต่อไปยัง Mail Server ได้ แต่จะไม่สามารถรับ Email ใหม่ๆที่ส่งมาจาก Server อื่นๆจากทั่วโลกได้

Hub ของ Data Center ในแต่ละทวีป

จากประสบการณ์ของผู้เขียนซึ่งใช้งาน Data Center มากว่า 10 ปีพบว่า Data Center ที่เหมาะสมในแต่ละทวีปมีดังนี้

  • Asia คือ Singapore, India, Hongkong, Japan (เรียงตามลำดับความนิยม)
  • Europe คือ Netherlands ในความเห็นผู้เขียนหากใช้งานในทวีปยุโรปเท่านั้น การตั้ง Data Center ไว้ในประเทศใดความเร็วในการเชื่อมต่อแทบจะเท่ากันหรือต่างกันไม่มากนัก เนื่องจากอาจจะมีการเชื่อมต่อ Cable ไปยังแต่ละประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ
  • อเมริกา คือ สหรัฐอเมริกา

และมากกว่าการเลือกที่ตั้งของ Mail Server แล้วยังต้องคำนึงถึงเรื่องความเสถียรของ Server ที่ตั้งใน Data Center นั้นๆด้วย เพราะอาจจะไม่มีประโยชน์อะไรเลยหาก Server ตั้งอยู่ในสถานที่ที่ดี แต่ Server เครื่องนั้นมีปัญหาด้าน Hardware หรือ Software เป็นต้น

ปัญหาที่แท้จริงที่ทำให้ Mail Server ส่ง Email ไม่ถึงปลายทาง

ในการใช้งานระบบ Email องค์กรหลายๆ องค์กรต้องเคยพบปัญหาส่ง Email ไปไม่ถึงปลายทาง ซึ่งเมื่อค้นหาข้อมูลส่วนใหญ่มักจะได้ข้อมูลว่าเกิดจาก IP ติด Blacklist ซึ่งในความเห็นของผู้เขียนถูกต้องเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่แท้ที่จริงแล้วอยากให้ผู้อ่านเข้าใจบริบทของ Email Server ว่า เครื่อง Mail Server หนึ่งเครื่องมีหนึ่ง IP ซึ่งเปรียบเสมือนบุคคลคนหนึ่ง เมื่อบุคคลดังกล่าวเดินทางไปยังต่างประเทศและเข้าสนามบินต่างๆ สนามบินปลายทางหรือ Mail Server ปลายทาง นั้นมีสิทธ์ที่จะให้ท่านเข้าหรือไม่เข้าประเทศได้ และ IP Blacklist ก็เปรียบเสมือนบัญชีดำที่อาจจะให้สนามบินปลายทาง (Mail Server ปลายทาง) ปฏิเสธท่านหรือไม่ก็ได้ หรือบางประเทศก็ไม่ได้สนใจบัญชีดำ (IP Blacklist) หรือบางประเทศก็สนใจ หรือประเมินมากกว่านั้น เช่น เดียวกับการส่ง Email ปัญหา IP​ Blacklist  เป็นเพียงปัญหาหนึ่งเท่านั้นแต่จริงๆแล้วยังมีองค์ประกอบอีกมากมาย

 

IP Blacklist คือ อะไร

IP  Blacklist คือ  IP นั้นมีประวัติที่ไม่ดีไม่น่าเชื่อถือซึ่งอาจจะเกิดจากการกระทำในอดีต เช่น IP ของ Mail Server ตัวนี้อาจจะเคยส่ง Spam จำนวนมากไปยัง Server ปลายทางใดปลายทางหนึ่ง เป็นต้น เมื่อ Mail Server ปลายทางได้รับ Email จาก IP นี้ก็อาจจะปฏิเสธการรับ Email และตีกลับ (Reject) ในที่สุด  เมื่อเปรียบ IP Blacklist ให้เข้าใจมากขึ้น คือ คล้ายกับบุคคลที่ติด Blacklist เมื่อเดินทางไปยังที่ใดปลายประเทศใดประเทศปลายทางเหล่านั้นก็อาจจะปฏิเสธการให้เข้าประเทศและส่งตัวกลับ เป็นต้น

 

IP ไม่ติด Blacklist ก็ส่งไม่ได้อยู่ดี

เมื่อทุกคนคิดว่าการที่ IP ไม่ติด Blacklist ก็ทำให้ Email ส่งไปถึงปลายทางแน่ๆ นั้นไม่ถูกต้องเลย เพราะจริงๆ แล้ว Mail Server ปลายทางอาจจะเก็บประวัติของ IP นั้นไว้ เมื่อเทียบให้ง่ายขึ้นสนามบินปลายทางแต่ละประเทศก็อาจจะมีการเก็บประวัติพฤติกรรมของบุคคลแต่ละบุคคลไว้ในการเดินทางมาก่อนหน้านี้ซึ่งบุคคลนั้นอาจจะไม่ได้ติด Blacklist ในระดับนานาชาติ แต่ติด Blacklist เพียงประเทศนั้นประเทศเดียวก็อาจจะทำให้บุคคลนั้นไม่สามารถเดินทางเข้าประเทศนั้นๆ จนกว่าประเทศเหล่านั้นจะปลดท่าน (Whitelist)  ออกจาก Blacklist ประเทศนั้นๆ ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับการทำงานของ IP ของ Mail Server เป็นอย่างยิ่ง

IP Blacklist ยังแบ่งออกเป็นหลายค่าย

การติด IP Blacklist ยังแยกออกเป็นหลายๆค่าย ซึ่งแต่ละค่ายก็จะมีเหตุผลในการให้ติด Blacklist ที่แตกต่างกัน ซึ่ง Mail Server แต่ละที่อาจจะรับฟัง (Listen) ที่แตกต่างกัน โดยท่านสามารถลองศึกษาเป็นภาษาไทยได้ที่  https://www.whyblacklist.com/black-list/

 

ปัจจัยอื่นๆ

นอกจาก IP ของ Mail Server ติด Blacklist แล้วปัจจัยอื่นๆ ล้วนมีผลต่อคุณภาพการส่ง Email เช่น DNS Blacklist  หรือ IP Web Hosting ติด Blacklist และมากกว่านั้นอาจจะเกิดจากการ Block เป็นการเฉพาะของ Server ปลายทางซึ่งไม่สามารถแก้ไขปัญหาจากต้นทางได้ ยกเว้นปลายทางจะทำการ Whitelist ให้เท่านั้น

แนะนำโปรแกรม Thunderbird สำหรับเช็ค Email ในองค์กร

ทำไมถึงแนะนำ Thunderbird ใช้งานสำหรับเช็ค Email

  • เนื่องจากโปรแกรม Thunderbird เป็น Free Ware ที่สามารถ Dowload ได้จากหน้า Website และเป็นโปรแกรมที่ฟรีลิขสิทธิ์สามารถติดตั้งเองได้ง่ายและการใช้งานง่ายต่อผู้ใช้งาน Email ทำให้ไม่ต้องเสียเงินในการซื้อโปรแกรมและไม่มี Licen ในการกำหนดการใช้งานของโปรแกรม Thunderbird

วิธีการ Add Email ใน Thunderbird ทำได้อย่างไร

คลิกที่ไอคอน ‘Email’ เพื่อเพิ่มบัญชีผู้ใช้ใหม่
คลิกที่ ‘Skip this and use my existing email’
ใส่ชื่อ, ชื่อบัญชีอีเมล์, รหัสผ่าน จากนั้นกด ‘Continue’
เลือก POP3 และกดปุ่ม ‘Manual config’
1. Incoming: pop.(ชื่อโดเมน).com Port: 110
Outgoing: smtp.(ชื่อโดเมน).com Port: 587 2. กดปุ่ม ‘Re-test’
3. คลิก ‘Done’
จากนั้นจะมีหน้าต่างขึ้นมา เพื่อขอยืนยันการรับรอง Server
ให้คลิกปุ่ม ‘Confirm Security Exception’
1. กดปุ่ม ‘Get Mail’ เพื่อให้อีเมล์บน Server Copy ลงเครื่องคอมพิวเตอร์เรา
2. คลิก ‘Write’ เพื่อสร้างอีเมล์ใหม่
สร้างอีเมล์ เพื่อทดสอบส่งครั้งแรก จากนั้นกดปุ่ม ‘Send’
การส่งอีเมล์ครั้งแรกเมื่อติดตั้งลงบนโปรแกรม
จะมีหน้าต่างขึ้นว่า Send Message Error จะต้องกดยืนยัน SMTP
ให้กด ‘OK’
เมื่อคลิก ‘OK’ แล้วสังเกตว่าจะมีอีกหน้าต่างปรากฏขึ้นมาดังภาพ
ให้คลิก ‘Confirm Security Exception’

บทความที่เกี่ยวข้อง

ทำไมการใช้ Email บน Outlook ถึงนิยมตั้งเป็น POP

คำแนะนำการตั้งค่าบน Outlook ให้ประหยัดพื้นที่บน Mail Server และมีประสิทธิภาพ

การตั้งลายเซ็นต์หรือคำลงท้าย Email บนโปรแกรม Outlook

ทำไมการใช้งานอีเมล์องค์กรถึงใช้ใน Outlook

ตั้งและเปลี่ยนเสียงแจ้งเตือนเมื่อได้รับ Email บนมือถือ Android ได้อย่างไร ?

เลือกที่ Setting การตั้งค่าของอุปกรณ์

จากนั้นเลือการแจ้งเตือน

จากนั้นเลือก App ที่ใช้งาน Email เช่น App Gmail

เลือก Email ที่ต้องการตั้งแจ้งเตือนหรือเปลี่ยนเสียงแจ้งเตือน

จากนั้นเลือกเสียงแจ้งเตือนและเลือกเสียงที่ต้องการและบันทึก

บทความที่เกี่ยวข้อง

ปิดการแจ้งเตือน Email ใหม่บนมือถือ Android อย่างไร ?

การใช้งาน Email บนมือถือกับบนคอมพิวเตอร์มีความแตกต่างกันอย่างไร ?

การใช้งาน Email บนมือถือใช้อินเตอร์เน็ตหรือ 3G เยอะแค่ไหน

App ที่นิยมใช้เช็ค Email บนมือถือและ ipad

ปิดการแจ้งเตือน Email ใหม่บนมือถือ Android อย่างไร ?

เข้าที่การตั้งค่าของเครื่องมือถือระบบ Android

 

จากนั้นเลือการแจ้งเตือน

 

เลือก App  ที่ใช้งาน Email เช่น App Gmail

ผู้ใช้งานสามารถกด Icon ขวามือเพื่อปิดการแจ้งเตือน Email ได้เลย

หรือหากต้องการปิดการแจ้งเตือนบาง Email สามารถเข้าไปที่ App Gmail

เลือก Email ที่ต้องการปิดการแจ้งเตือน จากนั้นกดแทปEmail

 

จากนั้นเลือก Icon ขวามือเพื่อปิดการแจ้งเตือนบาง Email

บทความที่เกี่ยวข้อง

การใช้งาน Email บนมือถือจะทำให้พื้นที่มือถือเต็มมั้ย ?

App ที่นิยมใช้เช็ค Email บนมือถือและ ipad

การใช้งาน Email บนมือถือใช้อินเตอร์เน็ตหรือ 3G เยอะแค่ไหน

การใช้งาน Email บนมือถือกับบนคอมพิวเตอร์มีความแตกต่างกันอย่างไร ?

การใช้งาน Email บนมือถือกับบนคอมพิวเตอร์มีความแตกต่างกันอย่างไร ?

การใช้งาน Email ผ่าน มือถือใช้งานผ่านอะไร

การใช้งานผ่านมือถือส่วนใหญ่นิยมใช้งานผ่าน App อะไรบ้างดังนี้

  • App Mail นิยมใช้งานในอุปกรณ์มือถือ Android และ Ios เพื่อเช็ค Email ผ่านอุปกรณ์มือถือ ซึ่งการใช้งานในมือถือนั้นจะเน้นสอบสั้นๆเพื่อให้ผู้ส่งทราบว่าได้รับ Email แล้วเป็นต้น
  • Outlook มีผู้ใช้งานบางคนยังถนัดใช้งานผ่าน Outlook ในเครื่องคอมพิวเตอร์ทำให้ผู้ใช้งานต้องการใช้งาน Email ผ่าน Outlook ในมือถือด้วยเช่นกัน
  • App Gmail สามารถ Add account อื่นๆผ่าน App Gmail เพื่อเช็คหรือตรวจสอบ Email ผ่านมือถือได้โดยผู้ใช้งานที่ใช้บัญชี @gmail.com อยู่แล้วต้องสลับการใช้งาน Email องค์กรกับบัญชีส่วนตัว

การใช้งาน Email ผ่านคอมพิวเตอร์ใช้งานผ่านอะไร

การใช้งานผ่านคอมพิวเตอร์หรือ Laptop ส่วนใหญ่นิยมใช้งานผ่านโปรแกรมอะไรบ้าง ดังนี้

  • Outlook คือโปรแกรมที่ผู้ใช้งานระบบ Email บริษัทนิยมใช้งานเป็นส่วนมากซึ่งสามารถ Set up email ผ่านอุปกรณ์มือถือผ่าน Outlook ในมือถือด้วย
  • Thunderbird ผู้ใช้งานส่วนใหญ่ใช้งานผ่าน Thunderbird เนื่องจากเป็น Free ware ที่สามารถ Dowload และติดตั้งได้ง่ายและสเถียรต่อการใช้งานเพื่อเช็ค Email
  • Mail (Windows) App Mail ผู้ใช้งานระบบ  Window จะนิยมใช้งานเป็นส่วนน้อยเพื่อเช็ค Email
  • Mail (Mac) ผู้ใช้งานระบบ IOS ส่วนใหญ่จะใช้งานผ่าน App Mail ในเครื่อง Mac เพราะไม่ต้องลง Software เพิ่มเติม สามารถใช้งาน App Mail ที่มากับเครื่องได้เลย

การใช้งาน Email บนมือถือกับบนคอมพิวเตอร์มีความแตกต่างกันอย่างไร

การใช้งานใน Email ผ่าน มือถือนั้นผู้ใช้งานจะนิยมอ่าน Email ผ่านเมือถือเพื่อรอการแจ้งเตือน Email ที่สำคัญเท่านั้นและหากจำเป็นต้นต้องตอบกลับ Email อย่างเร่งด่วนจะพิมพ์เพียงสั้นๆ ซึ่งการใช้งานกับคอมพิวเตอร์นั้นจะพิมพ์ได้สะดวกกว่ารวมไปถึงการแนบไฟล์จะทำให้ผู้ใช้งานสะดวกกว่าใช้งานในมือถือ

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

การใช้งาน Email บนมือถือใช้อินเตอร์เน็ตหรือ 3G เยอะแค่ไหน

App ที่นิยมใช้เช็ค Email บนมือถือและ ipad

การใช้งาน Email บนมือถือจะทำให้พื้นที่มือถือเต็มมั้ย ?

เอกสารที่ต้องใช้ในการจด Domain.com และ .co.th มีอะไรบ้าง

การใช้งาน Email บนมือถือใช้อินเตอร์เน็ตหรือ 3G เยอะแค่ไหน

ใช้งานผ่านมือถือสามารถ Add ด้วย App อะไรบ้าง

  • App Mail
  • App Gmail
  • App Outlook

ใช้งาน Email ผ่านมือถือใช้อินเตอร์เน็หรือ 3 GB มากแค่ไหน

  • ใช้ Internet ในการ Sync ข้อมูลไม่มากเนื่องจากเป็นการ Sync ข้อมูลจาก Server Email มาแสดงเท่านั้นเว้นแต่หากผู้ใช้งานต้องการ Dowload ไฟล์แนบมาเปิดดูหรือมีการ Uploade ไฟล์ขึ้นไปบน Email จะใช้ Internet มากกว่าแต่ผู้ใช้งานในมือถือส่วนใหญ่จะนิยมใช้เพื่ออ่าน Email หรือตอบกลับ Email เท่านั้น

บทความที่เกี่ยวข้อง

App ที่นิยมใช้เช็ค Email บนมือถือและ ipad

การใช้งาน Email บนมือถือจะทำให้พื้นที่มือถือเต็มมั้ย ?

ปัญหาที่แท้จริงที่ทำให้ Mail Server ส่ง Email ไม่ถึงปลายทาง

จะเกิดผลเสียอย่างไรหาก Mail Server ไม่มีการเก็บ Log

คำแนะนำการตั้งค่าบน Outlook ให้ประหยัดพื้นที่บน Mail Server และมีประสิทธิภาพ

ทำไมการใช้ Email บน Outlook ถึงนิยมตั้งเป็น POP

POP คืออะไร?

  • อย่างที่ทราบกับทั่วไปในการใช้งานระบบ Email สามารถเลือก Type ในการ Add Email ได้ 2 ชนิดคือ POP และ Imap โดยส่วนใหญ่การ Add Email ลงในโปรแกรมที่ผู้ใช้งานสะดวกใช้งานส่วนใหญ่จะเป็นโปรแกรม Outlook Thunderbird หรือ App Mail ที่มากับเครื่องการตั้งค่า POP นั้นเป็นการดูด Email ลงอุปกรณ์ที่ตั้งค่าซึ่งต่างจาก Imap เป็นการเก็บข้อมูลบน Email Server และทำการ Sync ข้อมูลมาแสดงในอุปกรณ์ที่ใช้งานเท่านั้น

ทำไมถึงนิยมใช้ POP

  • เนื่องจาก POP เป็นการ Add Email เพื่อเก็บข้อมูลลงเครื่องซึ่งถือว่าเป็นการ Backup ข้อมูลไปในตัวและป้องกัน Email เต็มผู้ใช้งานส่วนใหญ่จะนิยมใช้งาน POP มากกว่า Imap นอกจากจะมีการใช้งานหลายอุปกรณ์ผู้ใช้งานจะเลือก Imap เพื่อใช้งานมากกว่า

Port การตั้งค่า Outlook มีอะไรบ้าง ต่างกันอย่างไร

Port การตั้งค่ามีทั้งขาเข้าและขาออกซึ่ง Port นั้นจะแตกต่างกันระหว่าง POP และ Imap ดังนี้

  • POP (ขาเข้า) : 110
  • POP (ขาเข้า SSL) : 995
  • Imap (ขาเข้า) : 143
  • Imap (ขาเข้า SSL ) : 993
  • Smtp (ขาออก) : 587
  • Smtp (ขาออก SSL) : 465

ทำไมผู้ใช้งานถึงนิยมใช้งานใน Outlook

  • เนื่องจากโปรแกรม Outlook มีการแจ้งเตือนหากมี Email ใหม่เข้ามาและใช้งานง่ายกว่าเพราะผู้ใช้งานส่วนใหญ่จะมี Outlook ที่เครื่องแล้วทำให้เป็นที่นิมยมในการใช้งานผ่าน Outlook มากกว่าโปรแกรมอื่นๆ

บทความที่เกี่ยวข้อง

คำแนะนำการตั้งค่าบน Outlook ให้ประหยัดพื้นที่บน Mail Server และมีประสิทธิภาพ

การตั้งลายเซ็นต์หรือคำลงท้าย Email บนโปรแกรม Outlook

ทำไมการใช้งานอีเมล์องค์กรถึงใช้ใน Outlook

Data Center ของ Mail Server นั้นมีผลต่อความเร็วในการใช้งาน Mail Server แค่ไหน

คำแนะนำการตั้งค่าบน Outlook ให้ประหยัดพื้นที่บน Mail Server และมีประสิทธิภาพ

การตั้งค่า Outlook ให้ประหยัดพื้นที่ทำได้อย่างไร

  • การตั้งค่า Email ใน Outlook นั้นหากต้องการให้ประหยัดพื้นที่ Email ต้องทำการ Add Account แบบ Pop เพื่อดูดข้อมูลลงเครื่องและตั้งให้ลบข้อมูลจาก Server ทุกๆ 14 วัน

การตั้งค่า Add Email ใน outlook มีกี่แบบ

  • การตั้งค่า Add Account สามารถ Add ได้ 2 Type คือ POP และ Imap และ 2 แบบนี้แตกต่างกันอย่างไร
  • Pop คือการเก็บข้อมูลไว้บนเก็บข้อมูลไว้ในเครื่องผู้ใช้งานเหมาะสำหรับการใช้งานอุปกรณ์เดียว
  • Imap คือการเก็บข้อมูลไว้บน Mail Server เหมาะสำหรับการใช้งานหลายอุปกรณ์

การตั้งค่าแบบ Imap มีผลดีและผลเสียอย่างไร

การตั้งค่าแบบ Imap มีข้อดีและข้อเสียดังนี้

ข้อดี

  • สะดวกต่อการใช้งานหลายๆอุปกรณ์ เช่น Notebook,Smartphone เป็นต้น

ข้อเสีย

  • พื้นที่ Email เต็มไวเนื่องจาก Imap เป็นการเก็บข้อมูลไว้บน Server

การตั้งค่าแบบ Pop มีผลดีและผลเสียอย่างไร

ข้อดี

  • Email จะไม่เกิดปัญหาเต็มเหมาะสำหรับการใช้งานอุปกรณ์เดียว

ข้อเสีย

  • หากมีการใช้งานหลายอุปกรณ์ ข้อมูลกล่อง Sent จะไม่สามารถเห็นได้ทุกอุปกรณ์

วิธีการ Add Email ใน Outlook ทำได้อย่างไร

  • File > Info > Add Account
    เลือก Manual setup or additional server types และกด Next
    เลือก POP or IMAP จากนั้นกด Next
    พิมพ์รายละเอียดของบัญชีอีเมล์
    Incoming mail server: pop.(ชื่อโดเมน).com
    Outgoing mail server: smtp.(ชื่อโดเมน).com
    User Name: (บัญชีอีเมล์)
    จากนั้นกดปุ่ม More Settings
    ที่แท็บ Outgoing Server เลือก My Outgoing Server (SMTP)…
    เลือก Use same settings as my incoming mail server
    แท็บ Advanced
    Incoming server (POP3) Port: 110 หรือ (IMAP) Port: 143
    Outgoing server Port: 587
    ทำเครื่องหมายที่ Leave a copy of messages on the server
    ไม่อย่างนั้นข้อความจะถูกดูดลงเครื่องหมด
    และติ๊กที่  Remove from server after 14 days
    เพื่อให้ Inbox บน Server ไม่มีวันเต็ม
    คลิกที่ Test Account Settings…
    หากตั้งค่าถูกต้อง สถานะจะขึ้นว่า Completed จากนั้นกดปุ่ม Close
    และกด Next อีกครั้งจนมีปุ่ม Finish ขึ้นมาให้กด

พื้นที่ Email ควรมีอย่างน้อยเท่าไร

  • พื้นที่ Email อย่างน้อย 500 MB-2GB

บทความที่เกี่ยวข้อง

ทำไมการใช้งานอีเมล์องค์กรถึงใช้ใน Outlook

การตั้งลายเซ็นต์หรือคำลงท้าย Email บนโปรแกรม Outlook

App ที่นิยมใช้เช็ค Email บนมือถือและ ipad

การเก็บ Log ตาม พรบ คอม สำหรับผู้ให้บริการ Mail Server ต้องเก็บอะไรบ้างอย่างไร ?

การใช้งาน Email บนมือถือจะทำให้พื้นที่มือถือเต็มมั้ย ?

การตั้งลายเซ็นต์หรือคำลงท้าย Email บนโปรแกรม Outlook

ลายเซ็นท้ายหรือคำลงท้าย Email คืออะไร

  • ลายเซ็นหรือข้อความทั้าย Email คือการระบุชื่อ นามสกุล ที่อยู่ หรือ Contact ของผู้ส่ง Email ส่วนใหญ่จะใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อเป็นลายเซ็นท้าย Email เพื่อเป็นการบ่งบอกว่า Email ดังกล่าวนั้นมีตัวตนส่งมาจริงๆและเป็นการส่ง Email ในนามบริษัทหรือในนามบุคคลด้วย หากเป็นการติดต่อทาง Email Hosting อย่างมืออาชีพ ลายเซ็นถือว่าเป็นองค์ประกอบในการเขียน Email อย่างมากเช่นกัน
  • ตัวอย่างเช่น
    ——————-
    Regards,
    Name Surname (ชื่อ นามสกุล)
    Position (ชื่อตำแหน่ง)Company Co., Ltd. (ชื่อบริษัท)
    Address:  (ที่อยู่บริษัท)
    Tel : +66 (เบอร์โทรออฟฟิต)
    Email: name@yourcompany.com (อีเมล์ของคุณ)

ทำไมต้องตั้งลายเซ็นหรือคำลงท้าย Email

  • ทำให้เกิดประสิทธิภาพในการติดต่อสื่อสารมากขึ้น ทำให้ช่องทางการติดต่อมีหลายทางเลือก ถ้าหากเกิดว่าอีเมล์มีปัญหาในการติดต่อ ก็สามารถติดต่อช่องทางอื่นที่ระบุไว้ในลายเซ็นได้
  • เกิดความน่าเชื่อถือให้กับองค์กร เพราะหัวใจในการดำเนินธุรกิจ คือความน่าเชื่อ มีการระบุตัวตนที่ตั้ง ของบริษัท อย่างชัดเจน เกิดความสบายใจของผู้ติดต่อ
  • มองเห็นความเป็นมาตรฐานขององค์กร ดูเป็นมืออาชีพในการติดต่อธุรกิจ

วิธีการตั้งลายเซ็นใน outlook ตั้งได้อย่างไร

  • 1.ในข้อความใหม่ บนแท็บ ข้อความ ในกลุ่ม รวม ให้คลิก ลายเซ็น แล้วคลิก ลายเซ็น
  • 2.บนแท็บ ลายเซ็นอีเมล์ ให้คลิก สร้าง
  • 3.พิมพ์ชื่อสำหรับลายเซ็น แล้วคลิก ตกลง
  • 4.ในกล่อง แก้ไขลายเซ็น ให้พิมพ์ข้อความที่คุณต้องการรวมไว้ในลายเซ็น
  • 5.เมื่อต้องการจัดรูปแบบข้อความ ให้เลือกข้อความ จากนั้นใช้ปุ่มลักษณะและการจัดรูปแบบเพื่อเลือกตัวเลือกที่คุณต้องการ
  • 6.เมื่อต้องการเพิ่มองค์ประกอบอื่นนอกจากข้อความ ให้วางเคอร์เซอร์ของคุณในตำแหน่งที่คุณต้องการให้องค์ประกอบนั้นปรากฏ แล้วเลือกทำสิ่งใดๆ ต่อไปนี้
  • 7.หลังจากที่คุณสร้างลายเซ็นเสร็จสิ้นแล้ว ให้คลิก ตกลง

วิธีการตั้งลายเซ็นใน thunderbird ตั้งได้อย่างไร

เลือก Preferences > Account Settings

 

เลือก Account ที่ต้องการตั้งค่าด้านซ้าย จากนั้นกรอกข้อความที่เป็นคำลงท้ายอีเมล์
จากนั้นคลิก OK

บทความที่เกี่ยวข้อง

ทำไมการใช้งานอีเมล์องค์กรถึงใช้ใน Outlook

App ที่นิยมใช้เช็ค Email บนมือถือและ ipad

ปัญหาที่แท้จริงที่ทำให้ Mail Server ส่ง Email ไม่ถึงปลายทาง

การแนบไฟล์ในการใช้งาน Mail Server ควรเป็นเท่าไหร่ ?

การใช้งาน Email บนมือถือจะทำให้พื้นที่มือถือเต็มมั้ย ?