หากใช้งาน Email Server อยู่จะย้ายผู้ให้บริการได้อย่างไร ?

Email Server คืออะไร ?

Email ที่รับเข้าและส่งออกใช้งานในการสื่อสารภายในองค์กรรวมไปถึงการติดต่อสื่อสารภายนอกองค์กรด้วยเช่นกันโดยส่ง Email นั้นจะมีค่า Incoming และ Outgoing ในการตั้งค่า โดยขั้นตอนทำอีเมลบริษัท จะสามารถตั้งค่าได้ดังนี้

  • Incoming (POP): pop.domainname.com/.co.th
    Port :110  Not SSL และ 995 SSL
  • Incoming (Imap): imap.domainname.com/.co.th
    port : 143  Not SSL และ 993 SSL
  • Outgoing : smtp.domainname.com/.co.th
    port : 587  Not SSL และ 465 SSL

Email Server มีหน้าที่ทำงานเป็นตัวคอยรับส่งและเก็บข้อมูล ของอีเมลพนักงานทุกฉบับไว้ในเครื่องซึ่งถือว่า Mail Server มีการทำงานอย่างหนักอยู่ตลอดเวลาหากต้องการย้าย Mail Server ต้องเลือกผู้ให้บริการที่ดีที่สุด

 

Email Server มีบทบาทอย่างไรต่อองค์กร

Email Server ถือว่าเป็นช่องทางการติดต่อสื่อสารระหว่างธุรกิจอย่างมากเช่นการสั่งซื้อ การยืนยันการสั่งซื้อ รวมไปถึงการแจ้งชำระค่าบริการต่างๆในนามบริษัทซึ่งต้องระวังเรื่องการ Hack ของผู้ไม่หวังดีในการแอบอ้างว่าเป็นผู้ใช้งานในองค์กรหรือแอบอ้างว่าเป็นผู้ติดต่อการซื้อขายและมีการเปลี่ยนเลขที่บัญชีในการโอนเงิน ถือว่าเป็นภัยต่อองค์กรอย่างมาก Email Server ที่ปลอดภัยต่อองค์กรจะขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้งานของ User ร่วมด้วยเช่นผู้ใช้งานหมั่น Scan ไวรัสและเปลี่ยน Password อย่างสม่ำเสมอ และตรวจสอบไฟล์แนบที่ไม่ปลอดภัยก่อนทำการเปิดไฟล์แนบ

 

ขั้นตอนการย้าย Email Server ทำอย่างไร ?

  • Backup ข้อมูลทุก User ก่อนทำการย้าย Mail Server
  • ตรวจสอบค่า DNS เดิมว่ามีค่าใดที่ต้องการ Point ใน NS ใหม่หรือไม่ (กรณีที่ต้องการเปลี่ยนค่า NS)
  • กำหนดรายชื่อ Email ให้ผู้บริการ Email Server ใหม่
  • กำหนดวันและเวลาในการเปลี่ยน Email Server
  • เปลี่ยนค่าใน DNS เช่นเปลี่ยน MX,Cname,TXT หรือเปลี่ยน NS ใหม่

 

การย้าย Email Server กระทบต่อกลุ่มใดมากที่สุด ?

การย้าย Email Server กระทบต่อผู้ใช้งาน หรือ User มากที่สุดเพราะการเปลี่ยนค่า DNS นั้นจะทำให้ระบบ Email ไม่สามารถใช้งานได้ทันที ซึ่งถือว่าการกำหนดวันและเวลาในการเปลี่ยนค่าระบบ Email หรือ DNS นั้นสำคัญอย่างมากเพราะการรอค่า DNS Update ขึ้นอยู่กับ Internet ของผู้ใช้งานโดยปกติทั่วไปจะใช้ระยะเวลาในการ Update DNS ประมาณ 3-5 ชั่วโมง โดยทางผู้ให้บริการจะย้ำลูกค้าเสมอในการย้ายระบบ Email Server นั้นต้องย้ายในช่วงระยะเวลาที่มีผู้ใช้งานน้อยที่สุดเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งาน

 

คำถามที่เกี่ยวข้อง

วิธีการย้ายโดเมน .com และ .co.th

วิธีการย้ายโดเมน .com สามารถดำเนินการได้เลยโดยไม่ต้องมีเอกสารใด ๆ แต่ลูกค้าต้องประสานงานกับผู้ให้บริการรายเก่าเพื่อขอข้อมูลในการย้ายโดเมน .com ดังนี้

  • Auz code ของโดเมน
  • เปลี่ยนสถานะโดเมน เป็น active/OK
  • โดเมนต้องไม่หมดอายุ
  • ให้ registrant email กด Approve เมื่อดำเนินการย้ายโดเมนแล้ว

วิธีการย้ายโดเมน .co.th จะต้องใช้เอกสารในการย้าย ผู้ให้บริการดูแลโดเมนรายใหม่ จะส่งเอกสารให้ลูกค้ากรอกและประทับตาบริษัท และส่งให้บริการจะดำเนินการย้ายโดเมนให้ดังนี้

  • ผู้ให้บริการจะส่งเอกสารที่ประทับตาบริษัทให้ทาง THnic ผู้รับจดโดเมน .co.th ทั่วประเทศ
  • ทาง THnic จะดำเนินการโดเมนตามเอกสารแจ้งเข้าระบบผู้ให้บริการใหม่
  • จากนั้นผู้ให้บริการกดรับโดเมนตามเอกสาร ถือว่าเป็นการย้ายโดเมน .co.th เสร็จสมบรูณ์

 

ความกังวลด้านการตั้งค่า DNS ในการย้าย Email Server

เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่กังวลเรื่องการตั้งค่า DNS อย่างมากเพราะหากมีการตั้งค่าผิดพลาดไปจะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งานทันทีโดยผู้ให้บริการส่วนใหญ่จะแนะนำให้ลูกค้าส่งหน้าจัดการDomain มาให้ผู้บริการเปลี่ยนค่าให้แทนโดยค่าที่เปลี่ยนระบบ Email Server นั้นจะมี 3 ค่า คือ MX,Cname,TXT การเปลี่ยนค่าดังกล่าวนี้ต้องตรวจสอบว่าลูกค้ามีการใช้งาน Website หรือไม่ หากมีการใช้งานให้เปลี่ยนค่าดังกล่าวได้เลย แต่หากไม่มีการใช้งานทางผู้ให้บริการจะแนะนำให้ลูกค้าเปลี่ยนเป็นค่า NS ซึ่งจะทำให้การจัดการด้าน DNS ง่ายต่อผู้ให้บริการและป้องกันกันล่มของระบบ Email ด้วย เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ที่เปลี่ยนค่า MX,Cname,TXT หากมีการเปลี่ยนค่า NS ไปแต่ไม่ได้นำค่าระบบ Email ไป point ใน NS ใหม่จะทำให้ระบบ Email ล่มซึ่งต้องรอ DNS Update 1-3 ชม.ทำให้การติดต่อสื่อสารขาดหายไปในการดำเนินธุรกิจส่งผลกระทบอย่างมาก

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

อีเมลบริษัทต่างจากฟรีอีเมล์อย่างไร ?

อีเมลบริษัทคืออะไร ?

อีเมลบริษัทคือ Email ที่จดโดเมนเป็นของบริษัทเช่น Email AAA@company.com โดยหากต้องการใช้งานอีเมลบริษัทนั้นจะต้องซื้อบริการจากบริษัทที่รับทำอีเมลบริษัท ซึ่งจะมีผู้ให้บริการจำนวนมากในประเทศไทยโดยการจดโดเมนเป็น @ บริษัทนั้นผู้ใช้งานสามารถเลือกจดโดเมนได้หลากหลายเช่น .com .co.th หรือ .net เป็นต้นโดยขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้งานโดยส่วนใหญ่ในการติดต่อในนามธุรกิจจะใช้งาน อีเมลบริษัทเป็นการติดต่อ หรือหากเป็นองค์กรขนาดใหญ่การติดต่อภายในองค์กรจะใช้ อีเมลบริษัทในการติดต่อซึ่งจะง่ายในการตรวจสอบเป็นอย่างมากและสามารถควบคุมการทำงานภายในองค์กรได้ง่ายมากขึ้นเพราะ อีเมลบริษัทจะสามารถตรวจสอบการทำงานเช่น การ login log การรับเข้า-ส่งออกได้ จึงทำให้อีเมลบริษัทเป็นที่นิยม ซึ่งขั้นตอนทำอีเมลบริษัทก็ไม่ยุ่งยากเลย

ฟรีอีเมลคืออะไร ?

ฟรีอีเมลคือ Email ที่ผู้ใช้งานสามารถสมัครได้ด้วยตนเองผ่าน website ผู้ให้บริการโดยฟรีอีเมล์ที่นิยมกันส่วนใหญ่คือ Gmail, Hotmail หรือ Yahoo โดย Email เหล่านี้จะเป็น Email ส่วนตัวของผู้ใช้งานหรือที่ผู้ให้บริการระบบ Email จะนิยมเรียกว่าฟรีอีเมลเพราะการสมัคร Email ดังกล่าวจะสมัครได้ฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายซึ่งไม่ได้กำหนดว่า 1 คนจะมีฟรีอีเมลกี่ Account ซึ่งถือว่าเป็นช่องโหว่ให้สำหรับ Hacker ที่สมัครฟรีอีเมลและปลอมแปลงส่ง Email แอบอ้างซึ่งระบาดต่อผู้ใช้งานระบบ Email เป็นอย่างมาก

 

เทคโนโลยีแลนด์

อีเมลบริษัทต่างจากฟรีอีเมลอย่างไร ?

อีเมล์บริษัทจะเป็นการติดต่อสื่อสารกันในนามบริษัทจะถือว่าดูเป็นทางการและมืออาชีพมากกว่ารวมไปถึงการตรวจสอบภายในองค์กรจะง่ายต่อการตรวจสอบด้วยซึ่งจะทำให้ผู้ใช้งานนั้นนิยมใช้งานอีเมลบริษัทมากกว่าฟรี Email โดยการใช้อีเมลบริษัทในการติดต่อสื่อสารนั้นยังป้องกันการปลอมแปลงจากบุคคลภายนอกที่ไม่หวังดีแอบอ้างว่าเป็นผู้ใช้งานติดต่อเข้ามาเพื่อสร้างความสับสนให้กับผู้รับทำให้เป็นช่องโหว่ในการติดต่อสื่อสารกันได้

อีเมลบริษัททำงานอย่างไร ?

 

จากภาพการทำงาน Email ขาเข้าหากผู้ส่งทำการส่ง Email เข้ามาจะผ่านตัวกรองขาเข้าเพื่อตรวจสอบเนื้อหาหรือไฟล์แนบว่าเข้าข่ายเป็น Spam หรือมีมัลแวร์แอบแฝงมาหรือไม่หากไม่มี Email ฉบับนั้นจะทำการส่งต่อไปที่ Email Server เพื่อตรวจสอบว่าชื่อ Email ผู้รับอยู่ที่ server ใดและทำการส่งต่อ Email ฉบับดังกล่าวไปยัง Email ผู้รับใน Inbox

จากภาพการทำงานขาออกผู้ส่งจะทำการส่ง Email ออกจากเครื่องจากนั้น Email จะถูกส่งต่อมาที่ Email Server และส่งต่อมายัง Spamfilter เพื่อกรองจดหมายว่ามีไฟล์แนบและเนื้อหาที่เป็น Spam หรือไม่หลังจากนั้นตัวกรองจะใช้ IP ส่ง Email ออกไปหาผู้รับในขั้นตอนต่อไป

ผู้ให้บริการอีเมลบริษัทมีอะไรบ้าง ?

ในการเลือกใช้บริการอีเมล (Email) ของบริษัทนั้น จำเป็นต้องเลือกใช้บริการจากบริษัทที่น่าเชื่อถือ มีความมั่นคง และสามารถให้คำปรึกษากับคุณในเรื่องต่างๆได้เป็นอย่างดี ซึ่งบริษัทที่จะขอแนะนำมีดังต่อไปนี้

บทความที่เกี่ยวข้อง

เปรียบเทียบ Microsoft 365 และ Office 2024 ซอฟต์แวร์ทำงานแบบไหนที่ตอบโจทย์คุณ

Microsoft 365 บริการคลาวด์ยุคใหม่

Microsoft 365 ช่วยให้ผู้ใช้งานทำงานได้จากทุกที่ทุกเวลา รองรับการทำงานแบบ Cross-Platform ทั้ง Windows, macOS, iOS และ Android จุดแข็งคือการผสาน Cloud กับ AI ที่ช่วยประหยัดเวลา เช่น การสรุปเนื้อหาอัตโนมัติใน Word และการสร้างกราฟอัตโนมัติใน Excel

Office 2024 ความมั่นคงของซอฟต์แวร์ซื้อขาด

สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการพึ่งพา Cloud Office 2024 ยังคงเป็นทางเลือกที่มั่นคง ซื้อครั้งเดียวใช้งานได้ถาวร ไม่มีข้อผูกมัดรายเดือน หรือ รายปี เหมาะสำหรับโรงเรียน มหาวิทยาลัย หรือ องค์กรที่ต้องการควบคุมงบประมาณ

ความแตกต่างเชิงโครงสร้าง

  • Microsoft 365 – ยืดหยุ่น อัปเดตต่อเนื่อง ใช้งานได้หลายเครื่อง

  • Office 2024 – คงที่ ไม่เปลี่ยนแปลง ใช้ได้เฉพาะเครื่องที่ติดตั้ง

เทคโนโลยีเสริมที่ Microsoft 365 มี แต่ Office 2024 ไม่มี

  • OneDrive Cloud Storage 1 TB

  • Microsoft Teams สำหรับการประชุม และแชท

  • AI Copilot สำหรับงานอัตโนมัติ

  • การอัปเดตฟีเจอร์ใหม่ทุกเดือน

ปัจจัยการเลือกซื้อ

  • เน้นประสิทธิภาพสูงสุด และทันสมัย → เลือก Microsoft 365

  • เน้นความเรียบง่าย และคุ้มค่าระยะยาว → เลือก Office 2024

อยากเริ่มใช้งาน Microsoft 365 หรือ Office 2024 ต้องทำอย่างไร ?

การเริ่มใช้งาน Microsoft 365 หรือ Office 2024 สามารถติดต่อกับทาง Microsoft โดยตรงได้เลย หรือ หากต้องการมีทีม Support ก็สามารถติดต่อกับผู้ให้บริการระบบอีเมล ซึ่งทางเทคโนโลยีแลนด์ก็เป็นหนึ่งบริษัทที่เป็นผู้ให้บริการ Email HostingMicrosoft 365 ราคาถูกGoogle Workspace ราคาถูก และ Zoho email hosting

ข้อมูลโดยสรุป

ซอฟต์แวร์ทั้งสองตอบโจทย์ต่างกัน Microsoft 365 เหมาะกับผู้ใช้ยุคใหม่ที่ทำงานร่วมกัน ส่วน Office 2024 เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการความเสถียร และการลงทุนครั้งเดียว

บทความที่เกี่ยวข้อง

 

 

 

เปรียบเทียบ Microsoft 365 และ Google Workspace สำหรับองค์กรยุค Hybrid Work

Microsoft 365 และ Google Workspace คือสองโซลูชันที่ให้บริการอีเมลบริษัท โดยเน้นการทำงานร่วมกัน (collaboration) และการจัดการเอกสารในระดับองค์กร ทั้งคู่มีชุดแอปที่ช่วยให้พนักงานทำงานได้จากทุกที่ แต่ต่างกันในเชิงลึกของเครื่องมือ และประสบการณ์ผู้ใช้

การทำงานจากระยะไกล และในสำนักงาน

Microsoft 365 มีเครื่องมือรองรับ hybrid work ที่แข็งแรง เช่น Outlook, Teams และ OneDrive ขณะที่ Google Workspace โดดเด่นด้านการทำงานแบบออนไลน์ตลอดเวลา

ความสามารถในการประชุม และแชร์ข้อมูล

Microsoft Teams สามารถจัดประชุมได้ในระดับองค์กรใหญ่ มีการรวม Whiteboard และ Notes ขณะที่ Google Meet มีอินเทอร์เฟซเรียบง่าย เชื่อมกับ Google Calendar อย่างไร้รอยต่อ

ความสามารถในการกำหนดนโยบายภายใน

Microsoft 365 มี Microsoft Purview สำหรับการตั้งกฎความปลอดภัย ขณะที่ Google Workspace ใช้การตั้งค่านโยบายผ่าน Admin Console ที่มีความยืดหยุ่นน้อยกว่า

การรองรับอุปกรณ์พนักงาน

ทั้งสองระบบรองรับการทำงานจากมือถือและเบราว์เซอร์ แต่ Microsoft ได้เปรียบในการควบคุมอุปกรณ์ผ่าน Endpoint Manager และการจัดการแบบ MDM

ความสามารถด้านการขยาย และการทำงานร่วมกับระบบอื่น

Microsoft มี API และโครงสร้างการพัฒนาเพื่อองค์กรชัดเจนกว่า เช่น Power Platform, Power Automate ขณะที่ Google Apps Script ใช้งานง่ายกว่า แต่จำกัดในบางด้าน

ต้นทุน และโครงสร้างราคา

Microsoft 365 ราคาถูกกว่า Google Workspace หากเทียบในระดับ Plan เริ่มต้นเหมือนกัน

อยากเริ่มใช้งาน Microsoft 365 หรือ Google Workspace ต้องทำอย่างไร ?

การเริ่มใช้งาน Microsoft 365 หรือ Google Workspace สามารถติดต่อกับทาง Microsoft หรือ Google โดยตรงได้เลย หรือ หากต้องการมีทีม Support ก็สามารถติดต่อกับผู้ให้บริการระบบอีเมล ซึ่งทางเทคโนโลยีแลนด์ก็เป็นหนึ่งบริษัทที่เป็นผู้ให้บริการ Email HostingMicrosoft 365 ราคาถูกGoogle Workspace ราคาถูก และ Zoho email hosting

บทความที่เกี่ยวข้อง

Hybrid Email กับ Microsoft 365 ทางเลือกที่ปลอดภัย และยืดหยุ่นสำหรับองค์กรยุคใหม่

ในยุคที่ภัยคุกคามทางไซเบอร์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การจัดการระบบอีเมลองค์กรจึงต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับต้น ๆ Hybrid Email ที่รวมการทำงานระหว่าง Email Hosting กับ Microsoft 365 ไม่เพียงเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งาน แต่ยังสามารถยกระดับความปลอดภัยได้อย่างครอบคลุม

การทำ Hybird Email จะได้รับความปลอดภัยขั้นสูง

  • Data Loss Prevention (DLP) : ตรวจจับ และป้องกันการส่งข้อมูลสำคัญออกไปนอกองค์กร
  • Microsoft Defender for Office 365 : ป้องกันฟิชชิง มัลแวร์ และภัยคุกคามขั้นสูงจากอีเมล
  • Conditional Access และ Multi-Factor Authentication (MFA) : ตรวจสอบ และควบคุมการเข้าถึงจากอุปกรณ์ หรือ สถานที่ไม่ปลอดภัย
  • Audit Logs : เก็บบันทึกกิจกรรมการใช้งาน เพื่อใช้ในการตรวจสอบย้อนหลัง หรือ วิเคราะห์เหตุการณ์ผิดปกติ

ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นจุดเด่นที่ Email Hosting ทั่วไปมักไม่มี หรือ มีไม่ครบถ้วน การผสานระบบเข้าด้วยกันจึงเป็นการต่อยอดคุณภาพของระบบเดิมไปอีกขั้น

สิ่งที่ควรพิจารณาเมื่อวางโครงสร้าง Hybrid

  • ควรใช้ Certificate ที่เชื่อถือได้ระหว่างการเชื่อมต่อระบบ เพื่อป้องกัน Man-in-the-Middle Attack
  • แนะนำให้มีการตรวจสอบ Traffic ที่ส่งผ่านระหว่าง Server ด้วยระบบ Email Gateway ที่รองรับการตรวจจับภัยคุกคาม
  • ควรแยกแผนผังสิทธิ์ (Permission) และการตรวจสอบบทบาท (Role Management) อย่างรัดกุม

อยากเริ่มใช้งาน Hybrid Email ต้องทำอย่างไร ?

การเริ่มใช้งาน Hybird Email สามารถติดต่อกับทางผู้ให้บริการระบบอีเมล ซึ่งทางเทคโนโลยีแลนด์ก็เป็นหนึ่งบริษัทที่เป็นผู้ให้บริการ Email HostingMicrosoft 365 ราคาถูกGoogle Workspace ราคาถูก และ Zoho email hosting

ข้อมูลโดยสรุป

ระบบ Hybrid Email เป็นมากกว่าการประหยัดงบประมาณ เพราะมันสามารถกลายเป็นเครื่องมือด้านความปลอดภัยที่สำคัญขององค์กรหากออกแบบอย่างถูกต้อง

บทความที่เกี่ยวข้อง

Zoho Email Hosting ดีพอหรือยังสำหรับองค์กรคุณ ?

Architecture และระบบหลังบ้านของ Zoho Mail

Zoho Mail ใช้โครงสร้างระบบแบบคลาวด์ที่รองรับการกระจายโหลด (Load balancing) พร้อมศูนย์ข้อมูลระดับ Tier 4 ที่กระจายอยู่ทั่วโลก รองรับ SLA ที่ uptime 99.9% และมีระบบ Redundant Backup ตลอดเวลา

ความปลอดภัยระดับองค์กร

  • รองรับ SPF, DKIM, DMARC

  • TLS Encryption สำหรับข้อมูลที่ส่งออก

  • Two-Factor Authentication

  • การเข้ารหัสข้อมูลทั้งที่พักไว้และระหว่างส่ง

Integration ที่น่าสนใจ

  • เชื่อมต่อกับ Microsoft Outlook ผ่าน ActiveSync ได้

  • เชื่อม API กับระบบ CRM หรือ ERP ภายนอกได้

  • ใช้ Single Sign-On (SSO) ผ่าน SAML ได้

Performance & Latency

จากการทดสอบ latency กับโฮสต์ในภูมิภาค SEA พบว่า Zoho มี latency ต่ำกว่า Gmail (ในบางช่วงเวลา) โดยเฉพาะในประเทศไทยซึ่งมีการวางเซิร์ฟเวอร์ CDN ไว้ในระดับภูมิภาค

จุดแข็ง

  • ความปลอดภัยระดับ Enterprise

  • API และระบบ Dev-Friendly

  • มี Admin Console ที่แยกสิทธิ์ได้ละเอียด

ข้อจำกัด

  • UI ยังสู้ Outlook/Gmail ไม่ได้ในบางแง่

  • ฟีเจอร์บางตัวมีเฉพาะในแผนแบบชำระเงิน

เหมาะสำหรับ

  • ทีม IT/Dev ที่ต้องการ Custom Integration

  • องค์กรที่เน้นความปลอดภัยของข้อมูล

อยากใช้ Zoho Email Hosting ต้องทำอย่างไรบ้าง?

เพื่อเริ่มต้นใช้งาน Zoho Email Hosting แนะนำให้ติดต่อเทคโนโลยีแลนด์ พันธมิตรอย่างเป็นทางการที่ผ่านการรับรองจาก Zoho และเป็นผู้ให้บริการ Zoho Workplace และ Zoho email hosting

บทความที่เกี่ยวข้อง

Microsoft 365 คืออะไร ? ทำไมธุรกิจยุคใหม่ถึงขาดไม่ได้

ในยุคที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว Microsoft 365 ได้กลายเป็นแพลตฟอร์มสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนธุรกิจดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็น SME หรือ องค์กรระดับโลก ล้วนเลือกใช้ Microsoft 365 เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการทำงานร่วมกัน ความปลอดภัย และความยืดหยุ่นในการดำเนินงาน

Microsoft 365 คืออะไร ?

Microsoft 365 คือชุดบริการคลาวด์ที่รวมแอปพลิเคชันยอดนิยม เช่น Word, Excel, PowerPoint, Outlook, Teams, OneDrive และบริการอื่น ๆ อย่าง Microsoft Defender, Intune, Exchange และ SharePoint เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อให้ธุรกิจสามารถทำงานได้จากทุกที่ ทุกเวลา

จุดเด่นของ Microsoft 365

  • Collaboration : Teams และ SharePoint ช่วยให้การทำงานร่วมกันเป็นเรื่องง่าย ทั้งภายในทีมและกับลูกค้า

  • Security : มีระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูง ป้องกันข้อมูลรั่วไหล การโจมตีทางไซเบอร์ และรองรับ Compliance ต่างๆ

  • Scalability : รองรับการขยายตัวของธุรกิจ สามารถเพิ่ม/ลดจำนวนผู้ใช้ได้ยืดหยุ่น

  • Integration : เชื่อมต่อกับแอปอื่น ๆ ได้ง่ายทั้งของ Microsoft และ Third-Party

เหมาะกับใคร ?

  • ธุรกิจที่ต้องการความต่อเนื่องในการทำงานแม้ทำงานจากที่บ้าน

  • องค์กรที่มีหลายสาขา

  • บริษัทที่ต้องการลดความซับซ้อนในการบริหารไอที

อยากเริ่มใช้งาน Microsoft 365 ต้องทำอย่างไร ?

การเริ่มใช้งาน Microsoft 365 ต้องติดต่อสอบถามกับทางตัวแทนจำหน่าย ซึ่งทางเทคโนโลยีแลนด์คือผู้ให้บริการ Microsoft 365 ราคาถูก สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้เลย

ข้อมูลโดยสรุป

Microsoft 365 ไม่ได้เป็นเพียงแค่โปรแกรมออฟฟิศบนคลาวด์ แต่คือโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของธุรกิจยุคใหม่ที่ต้องการความคล่องตัว ปลอดภัย และยืดหยุ่น

บทความที่เกี่ยวข้อง

วิเคราะห์ฟีเจอร์เด็ด 3 แอป Zoho Workspace ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในองค์กร

Zoho Workplace เป็นมากกว่าเครื่องมือทำงานทั่วไป เพราะมีฟีเจอร์เฉพาะทางที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระดับองค์กรแบบจริงจัง ในบทความนี้เราจะเจาะลึก 3 แอป Zoho Workspace ที่องค์กรควรใช้ พร้อมฟีเจอร์ที่น่าสนใจ

Zoho Cliq – เครื่องมือสื่อสารในองค์กรแบบเรียลไทม์

ฟีเจอร์เด่น

  • Command Center : ใช้คำสั่งเพื่อดึงข้อมูลจากระบบอื่น เช่น CRM, Projects ฯลฯ ได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนหน้า

  • Bots & Workflows : สร้าง Bot แจ้งเตือนงาน ประชุม หรือยอดขาย

  • Integration : เชื่อมกับ GitHub, Trello, Google Drive ได้ง่าย

ข้อดี : ลดการใช้หลายแอป แชทแบบ Real-Time พร้อม Context
เหมาะสำหรับ : ทีม DevOps / ทีม Support

Zoho Projects – ระบบบริหารโครงการครบวงจร

ฟีเจอร์เด่น

  • Blueprint : สร้าง Workflow งานที่มีลำดับชัดเจน เช่น อนุมัติ-ดำเนินการ-ตรวจสอบ

  • Time Tracking : ติดตามเวลาในการทำงานแบบระบุ Task ได้

  • Gantt Chart : เหมาะสำหรับดูภาพรวม Timeline โครงการ

ข้อดี : เหมาะกับโครงการที่มีหลายฝ่าย และต้องมีการตรวจสอบหลายขั้นตอน
เหมาะสำหรับ : ทีม PMO / ทีม Developer / เอเจนซี่

Zoho Books – ระบบบัญชีอัตโนมัติสำหรับองค์กร

ฟีเจอร์เด่น

  • GST/VAT Support : รองรับระบบภาษีของหลายประเทศ รวมถึงไทย

  • Recurring Invoice : ออกบิลอัตโนมัติรายเดือน

  • API Integration : เชื่อมกับระบบ ERP หรือ eCommerce ได้

ข้อดี : ลดการทำบัญชีซ้ำซ้อน สะดวก ตรวจสอบง่าย
เหมาะสำหรับ : แผนกบัญชี / CFO / Startup ที่เติบโตเร็ว

อยากใช้ Zoho Workspace ต้องทำอย่างไรบ้าง?

เพื่อเริ่มต้นใช้งาน Zoho Workspace แนะนำให้ติดต่อเทคโนโลยีแลนด์ พันธมิตรอย่างเป็นทางการที่ผ่านการรับรองจาก Zoho และเป็นผู้ให้บริการ Zoho Workspace และ Zoho email hosting

ข้อมูลโดยสรุป

ทั้งสามแอปมีจุดแข็งที่ช่วยลดภาระงานมนุษย์ เพิ่มระบบอัตโนมัติ และเชื่อมโยงข้อมูลร่วมกันได้อย่างชาญฉลาด Zoho Workspace เหมาะกับทั้งองค์กรขนาดกลาง และใหญ่ที่ต้องการความคล่องตัว

บทความที่เกี่ยวข้อง

OneDrive for Business เครื่องมือยุคใหม่ที่ใช้ขับเคลื่อนองค์กร

ในยุคที่ข้อมูลคือทรัพยากรที่มีค่าที่สุด การจัดการข้อมูลอย่างปลอดภัย และมีประสิทธิภาพคือสิ่งที่องค์กรต้องใส่ใจ OneDrive for Business เป็นโซลูชัน Cloud Storage ที่พัฒนาเพื่อใช้งานในระดับองค์กรโดยเฉพาะ ซึ่ง OneDrive คือหนึ่งในฟังชั่นของ Microsoft 365

OneDrive มีประโยชน์ต่อองค์กรอย่างไร ?

  • พนักงานสามารถเข้าถึงไฟล์ได้จากทุกที่
  • ลดความเสี่ยงจากการใช้แฟลชไดรฟ์ หรือ อีเมลส่วนตัว
  • สร้างวัฒนธรรมการทำงานร่วมกันด้วยไฟล์เดียว

ความปลอดภัยระดับองค์กร

  • Integration กับ Azure AD
  • สามารถตั้ง Policy ลบไฟล์อัตโนมัติเมื่อพนักงานลาออก
  • Audit log ตรวจสอบย้อนหลังได้
  • ใช้ Microsoft Purview สำหรับ Compliance

เพิ่มประสิทธิภาพองค์กรได้อย่างไร ?

  • สามารถใช้ร่วมกับ Microsoft Teams ได้
  • แชร์โฟลเดอร์ให้กับแผนกต่าง ๆ เช่น “การเงิน”, “การตลาด”
  • ผูกกับ Power Automate เพื่อ Workflow ที่สามารถทำงานได้อัตโนมัติ

อยากเริ่มใช้งาน OneDrive for Business ต้องทำอย่างไร ?

OneDrive คือหนึ่งในฟังชั่นของ Microsoft 365 การเริ่มใช้งานต้องติดต่อสอบถามกับทางตัวแทนจำหน่าย ซึ่งทางเทคโนโลยีแลนด์คือผู้ให้บริการ Microsoft 365 ราคาถูก สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้เลย

ข้อมูลโดยสรุป

OneDrive for Business เป็นโซลูชัน Cloud Storage ที่พัฒนาเพื่อใช้งานในระดับองค์กรโดยเฉพาะ ซึ่ง OneDrive คือหนึ่งในฟังชั่นของ Microsoft 365 หากองค์กรใดที่ใช้งาน OneDrive อย่างเต็มศักยภาพจะสามารถปรับตัวกับ Hybrid Work ได้อย่างราบรื่น และปลอดภัย

บทความที่เกี่ยวข้อง

 

Zoho Workplace กับ Zoho Email Hosting ต่างกันยังไง ? อันไหนเหมาะกับการใช้อีเมลอย่างเดียวบ้าง ?

Zoho Workplace และ Zoho Email Hosting เป็นบริการที่อยู่ในเครือของ Zoho Corporation เหมือนกัน แต่มีขอบเขตการใช้งาน และฟีเจอร์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ดังนี้

Zoho Workplace คืออะไร ?

Zoho Workplace คือ ชุดแอปพลิเคชันสำนักงานออนไลน์ (Office Suite) แบบครบวงจร สำหรับการทำงานร่วมกันภายในทีม/องค์กร โดยรวม Zoho Email Hosting เข้าเป็นหนึ่งในเครื่องมือของชุดนี้ด้วย

ประกอบด้วยแอปหลัก ๆ ดังนี้

  • Zoho Mail Hosting – ระบบอีเมล
  • Zoho Writer – โปรแกรมประมวลผลคำ (เหมือน Word)
  • Zoho Sheet – สเปรดชีต (เหมือน Excel)
  • Zoho Show – สร้างสไลด์พรีเซนต์ (เหมือน PowerPoint)
  • Zoho WorkDrive – ที่เก็บไฟล์บนคลาวด์ (เหมือน Google Drive)
  • Zoho Cliq – แชทภายในทีม (เหมือน Slack)
  • Zoho Meeting – วิดีโอคอล/ประชุมออนไลน์
  • Zoho Connect – โซเชียลภายในองค์กร
  • Zoho Calendar, Notebook ฯลฯ

Zoho Email Hosting คืออะไร ?

Zoho Email Hosting คือ บริการอีเมลสำหรับองค์กร (Email Hosting) ที่ให้ผู้ใช้งานสามารถมีอีเมลในรูปแบบชื่อโดเมนบริษัท โดยเน้นเรื่อง ความปลอดภัย, ความเสถียร และไม่มีโฆษณา

ฟีเจอร์หลักของ Zoho Email Hosting

  • อีเมลแบบมืออาชีพ (Custom domain email)
  • ระบบกรองสแปม และมัลแวร์
  • ปฏิทิน (Calendar), งาน (Tasks), บันทึก (Notes)
  • Webmail ใช้งานง่าย พร้อมแอปมือถือ
  • การจัดการบัญชีผู้ใช้ (User Management) สำหรับแอดมิน

อันไหนเหมาะกับการใช้อีเมลอย่างเดียว ?

สำหรับผู้ที่ต้องการใช้งานเพียงอีเมลอย่างเดียว การเลือกใช้งานเฉพาะ Zoho Email Hosting ก็จะตอบโจทย์มากกว่า เพราะมีราคาที่ถูกกว่าการเลือกเลือกใช้งาน Zoho Workplace

อยากใช้ Zoho Email Hosting ต้องทำอย่างไรบ้าง?

เพื่อเริ่มต้นใช้งาน Zoho email hosting แนะนำให้ติดต่อเทคโนโลยีแลนด์ พันธมิตรอย่างเป็นทางการที่ผ่านการรับรองจาก Zoho

ข้อมูลโดยสรุป

Zoho Workplace แตกต่างจาก Zoho Email Hosting ตรงที่ Zoho Workplace คือ ชุดแอปพลิเคชันสำนักงานออนไลน์ (Office Suite) แบบครบวงจร ส่วน Zoho Email Hosting คือ บริการอีเมลสำหรับองค์กร ซึ่ง Zoho Email Hosting ก็เป็นหนึ่งในเครื่องมือของชุดนี้ด้วย สำหรับผู้ที่ต้องการใช้งานเพียงอีเมลอย่างเดียว การเลือกใช้งานเฉพาะ Zoho Email Hosting ก็จะตอบโจทย์มากกว่า เพราะมีราคาที่ถูกกว่าการเลือกเลือกใช้งาน Zoho Workplace

บทความที่เกี่ยวข้อง